◊ สืบจากศพ ◊
………..
“จ่าของเราตายแล้วนะ…”
น้ำเสียงที่ได้ยินจากคมจักรยังก้องอยู่ในโสตประสาท ขณะที่ธงอินทร์ขับรถไปยังสถานที่เกิดเหตุ
“ฉันเฝ้าอยู่หน้าบ้านจนได้ยินเสียงปืน แต่พอเข้าไปดูก็ไม่มีคนร้าย เพราะจ่าฆ่าตัวตายด้วยการยิงหน้าอกตัวเอง”
“ศพยังอยู่ในบ้านใช่มั้ย”
“ถูกต้อง เจ้าหน้าที่กำลังชันสูตรเบื้องต้น นายรีบมาเถอะ เรามีอะไรต้องคุยกันเยอะ”
ประโยคสุดท้ายที่เหมือนเร่งรัดก่อนวางสาย ทำให้ธงอินทร์ต้องนึกทบทวนข้อมูลต่าง ๆ ที่เคยรู้มา
ฆ่าตัวตาย… โรคซึมเศร้า… จิตเวช
สิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกันและเป็น “ภัยเงียบ” ที่คร่าชีวิตผู้คนอย่างน่าตกใจ
คนไทยฆ่าตัวตายปีละเกือบ 4,000 ราย ผู้ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่เป็นชายมากกว่าหญิง สาเหตุมีทั้งเกิดจากโรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ ความเครียด ปัญหาเศรษฐกิจ และคนไทยนิยมเลียนแบบวิธีฆ่าตัวตายที่เห็นจากสื่อ
ข้อมูลจากกรมสุขภาพจิต ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขการฆ่าตัวตายสำเร็จอยู่ที่ประมาณ 340 รายต่อเดือน ในจำนวนนี้เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิงประมาณ 4 เท่า วิธีฆ่าตัวตายที่พบถี่ขึ้นคือผูกคอตาย กระโดดตึก กระโดดสะพาน รมควัน กินยา และยิงตัวตาย
ธงอินทร์ยังจำได้ถึงการสัมภาษณ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต อดีตนักศึกษา วปอ. คนหนึ่งที่พูดไว้ว่า
“สาเหตุส่วนใหญ่ของการฆ่าตัวตายคือ มีโรคทางจิตเวชที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือควบคุมอาการไม่ได้ เช่น โรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ โรคทางอารมณ์เหล่านี้ให้ความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายมากขึ้นถึง 20 เท่าเทียบกับในคนทั่วไป ส่วนปัจจัยอื่นๆ ก็พบได้ เช่น การดื่มสุราและการใช้สารเสพติดก็มีส่วนทำให้เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสูงขึ้นเช่นกัน
แต่สิ่งที่มีผลมากจนอาจกล่าวได้ว่าเป็นแรงจูงใจอย่างหนึ่งของการฆ่าตัวตายก็คือ การนำเสนอข่าวโดยขาดความระมัดระวัง เนื่องจากการเสนอวิธีการ รูปแบบ หรืออุปกรณ์โดยละเอียด อาจทำให้เกิดการฆ่าตัวตายเลียนแบบได้ง่ายมากขึ้น
ในความเป็นจริงสื่อสามารถช่วยลดอัตราการฆ่าตัวตาย ด้วยการเสนอข่าวเป็นภาพกว้างๆ ของเหตุการณ์ โดยเน้นไปในเรื่องแนวทางการรักษาเยียวยาจิตใจของครอบครัวและคนรอบข้าง รวมไปถึงควรเพิ่มการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในด้านสุขภาพจิต เพื่อลดอัตราการฆ่าตัวตายของคนไทยให้น้อยลงและสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิตมากขึ้น
สถานการณ์ที่ผ่านมา จะเห็นว่าสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวการฆ่าตัวตายค่อนข้างถี่ โดยเฉพาะแบบรมควัน ประชาชนที่ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวดังกล่าว อาจทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ (Copycat suicide) ขึ้นมาได้
ทั้งนี้การเลียนแบบมักเกิดขึ้นภายหลังจากการได้รับรู้ข่าวที่บรรยายถึงวิธีการกระทำโดยละเอียด เห็นภาพหรือวิธีฆ่าตัวตายจากสื่อต่างๆ และได้ฟังบรรยายวิธีฆ่าตัวตายซ้ำบ่อยๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสัดส่วนมากน้อยตามระยะเวลา ความถี่ และปริมาณข่าวที่ได้รับ
ดังนั้นสื่อมวลชนซึ่งมีบทบาทเผยแพร่ข่าวสารจึงควรดำเนินการด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการนำเสนอวิธีฆ่าตัวตายอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นภาพการฆ่าตัวตาย รวมไปถึงรายละเอียดของอุปกรณ์ที่ใช้ทำร้ายตัวเอง และเลี่ยงการนำเสนอข่าวซ้ำๆ เพื่อป้องกันพฤติกรรมเลียนแบบ
สำหรับบุคคลทั่วไปให้หมั่นสังเกตคนใกล้ชิด คนในครอบครัว หากพบมีอาการเศร้า เบื่อ เซ็ง คิดวนเวียน นอนไม่หลับ มองโลกในแง่ลบ หรือโพสต์ข้อความเชิงสั่งเสีย หมดหวังไม่อยากมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นอาการบ่งบอกของโรคซึมเศร้าและเป็นสัญญาณเสี่ยงนำไปสู่การฆ่าตัวตายต้องรีบเข้าไปพูดคุยยับยั้งความรู้สึกนั้นทันที”
เสียงสมาร์ทโฟนที่ดังขึ้นทำให้คิดคำนึงของธงอินทร์กระจายหายไปและเมื่อเห็นชื่อคนที่โทรเข้ามา ธงอินทร์ก็เดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องอะไร
“ธงอินทร์ครับ”
“กุญแจไขความลับของเราหักแล้วใช่มั้ย”
“ครับผม”
ธงอินทร์ตอบสั้นๆ ก่อนจะขยายความ
“ผมเพิ่งทราบจากคมจักรว่าจ่าเอกบรรลือศักดิ์ฆ่าตัวตายเมื่อสักครู่นี่เองครับ”
“ตอนนี้ฝ่ายนิติเวชอยู่ในจุดเกิดเหตุ ฝ่ายเสธ.รายงานข้อมูลเบื้องต้นให้ผมทราบแล้ว”
พลเรือเอกสุรจิตรพูดมาตามสาย
“เรื่องนี้ ผบ.ทร. ให้ความสำคัญมากและสั่งการให้เรารีบคลี่คลาย เพราะกรณีทหารเรือฆ่าตัวตายไม่เกิดขึ้นบ่อยเหมือนตำรวจฆ่าตัวตาย”
“ผมกับคมจักรจะเร่งทำงานอย่างเต็มที่และเร็วที่สุดครับ”
“เท่าที่ฝ่ายเสธ.หาข้อมูลให้ผม ปัญหาการฆ่าตัวตายไม่ใช่เรื่องใหม่ของสังคมและของโลก ในปีหนึ่งจะมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จทั่วโลกเป็นจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน”
พลเรือเอกสุรจิตรก้มลงดูเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ
“เมื่อคิดเฉลี่ยแล้วมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จ 1 คน ทุก 40 วินาที ทางองค์การอนามัยโลกพบว่า การฆ่าตัวตายติด 10 อันดับแรกของสาเหตุการตายของประชากรโลก และผู้ชายฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่าผู้หญิงถึง 3 เท่า”
“ผมกำลังศึกษาข้อมูลเรื่องนี้อยู่เหมือนกันครับ”
ธงอินทร์พูดตามตรงก่อนจะได้ยินนายพลเรืออาวุโสกล่าวเพิ่มเติม
“สถิติล่าสุดในประเทศไทย ภาพรวมอัตราการฆ่าตัวตายของทั้งประเทศ อยู่ที่ 6.34 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคน ในปี 2561 มีคนไทยฆ่าตัวตายสำเร็จจำนวน 4,137 คน เป็นชาย 3,327 คน หรือร้อยละ 80 และเป็นหญิง 810 คน ร้อยละ 20 ซึ่งเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 4 เท่า ทั้งนี้มีผู้ที่ทำร้ายตนเองจนเสียชีวิต เฉลี่ยอยู่ที่ 345 รายต่อเดือน”
“ครับ”
ธงอินทร์ไม่รู้จะพูดอะไรที่ดีไปกว่านั้น
“หวังว่าจ่าของเราคงจะเป็นทหารเรือรายสุดท้ายที่ฆ่าตัวตายนะ”
ว่าแล้วพลเรือเอกสุรจิตรก็กำชับอีกครั้ง
“คืบหน้ายังไงแจ้งผมทันทีเลยนะ”
“ครับผม”
ธงอินทร์ตอบเป็นคำสุดท้ายก่อนที่อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็เข้าไปยืนมองการชันสูตรศพผู้เสียชีวิตอย่างเงียบๆ ขณะที่ในใจครุ่นคิดถึงสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า
ยอดนาวาโทแห่งราชนาวีไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชาติทหารอย่างจ่าเอกบรรลือศักดิ์จะเป็น “บุรุษข้ามเพศ” ที่มีร่างเป็นชายแต่จิตใจเป็นหญิงและหลงใหลในการใช้ชีวิตสตรีถึงขนาดแต่งกายแปลงร่างเป็นสาวน้อยแม้ในวาระสุดท้ายของการอยู่บนโลกใบนี้
“นายคิดอะไรอยู่หรือเพื่อน”
“ผู้ต้องสงสัยรายนี้เป็นคนที่มีความลับอย่างที่เราคิดไว้จริงๆ ด้วย”
ธงอินทร์หันไปตอบเพื่อนคู่หูซึ่งเดินมาหยุดอยู่ทางด้านหลัง
“บางทีการหย่าร้างของเขาหลังแต่งงานถึงสามครั้ง อาจมีสาเหตุมาจากเรื่องการเป็นไฮบริดหรือคนสองเพศของเขาก็ได้”
“จ่าของเราเป็นคนที่น่าสงสารมาก”
คมจักรพูดจากความรู้สึกของตน
“อย่างน้อยเขาก็เป็นทหารอาชีพที่อยู่ภายใต้ระเบียบวินัยและหน้าที่การงานอันจริงจังเข้มแข็ง แต่ต้องกดความรู้สึกของการเป็นเพศแม่เอาไว้ไม่ให้ใครรู้”
“หรือว่าเขาสมัครมาอยู่หน่วยข่าวเพราะหวังว่าจะได้แต่งหญิงบ้างหากต้องปลอมตัวไปหาข่าว”
“อาจจะเป็นไปได้”
คมจักรพยักหน้าให้ธงอินทร์
“ขออนุญาตครับ… เราได้ผลการชันสูตรเบื้องต้นแล้วครับ”
เจ้าหน้าที่ร่างสันทัดเดินมาหาขัดจังหวะการสนทนาระหว่างคมจักรกับธงอินทร์
“มีรอยเขม่าปืนที่อยู่บนบาดแผลด้านหลังของเขาซึ่งเป็นรูทะลุจากกระสุนขนาด 9 มิลลิเมตร สันนิษฐานว่าปืนที่ใช้ยิงจ่อตรงหัวใจพอดี”
“ตายทันที?”
ธงอินทร์ถาม
“ใช่ครับ จากสภาพและผลการตรวจสอบยืนยันได้ว่าเขาปลิดชีพตัวเองอย่างแน่นอน”
“ปกติแล้วคนที่ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่มักจะใช้ปืนยิงที่ขมับหรือปลายคางไม่ใช่หรือหรือ”
คมจักรเปรยขึ้น ก่อนจะได้ยินธงอินทร์ตอบ
“ที่นายพูดมันก็ถูก แต่นั่นสำหรับผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง เพราะผู้หญิงเป็นเพศที่รักสวยรักงาม การยิงหัวตัวเองอาจจะทำใบหน้าของศพบิดเบี้ยวเสียความงามได้”
“ฟังดูมีเหตุผลทีเดียว”
“ในกรณีของจ่าหนุ่มคนนี้ ฉันเดาว่าเขาคงลืมไปว่าตัวเองเป็นผู้ชายถึงได้ใช้ปืนจ่อหน้าอกแทนที่จะจ่อหัว”
คมจักรกล่าวตามความเห็นของตน
“ถ้าพูดในแง่จิตวิทยาทางเพศแล้ว จ่าเอกบรรลือศักดิ์คือหญิงในร่างชายและการฆ่าตัวตาย ทำให้เขาเป็นอิสระตามที่เขียนเอาไว้ในสมุดบันทึก”
ธงอินทร์ขมวดคิ้ว
“สมุดบันทึก…”
“ถูกต้อง”
คมจักรพูดพร้อมกับชูสิ่งที่อยู่บนมือให้เห็น
“ฉันพบไดอารีเล่มนี้ก่อนที่นายจะมาถึง ผู้ตายเขียนอะไรไว้มากมาย รวมทั้งการระบายความรู้สึกเก็บกดด้วยว่าความตายคือทางออกไปสู่อิสระเสรี”
“มีความลับอย่างอื่นของจ่าบรรลือศักดิ์ที่เราไม่รู้อีกหรือเปล่า”
“ยังมีเรื่องคำให้การของผู้ตายที่ไม่ตรงกับความจริง”
คมจักรตอบ
“ฉันโทรไปที่บ้านของบรรลือศักดิ์แล้ว เขาโกหกเราเรื่องไปเยี่ยมบ้านช่วงวันหยุด คนที่รับสายให้ข้อมูลว่า ครอบครัวไม่ได้ข่าวจากเขามาหลายปีแล้ว”
“อืมม์… แปลกมาก”
ธงอินทร์รำพึงเบาๆ
“ทำไมเขาต้องโกหกเราด้วย”
“นั่นแหละครับประเด็นสำคัญที่ต้องสืบให้ได้”
คมจักรสรุปก่อนจะพูดต่อ
“ฉันอยากรู้ว่าหนุ่มผิดเพศที่ฆ่าตัวตาย มีอะไรผิดปกติบ้างหรือเปล่าระหว่างไปอบรมที่โรงเรียนข่าวกรอง ซึ่งเราก็น่าจะไปดูที่นั่นด้วยกันครับ”
“ฉันเห็นด้วย”
ธงอินทร์พยักหน้า
“นายติดต่ออาจารย์ที่ปรึกษาของเขาหรือยัง รู้มั้ยว่าใครทำหน้าที่นี้”
“คนที่ดูแลจ่าบรรลือศักดิ์คือดอกเตอร์สุทธิชัยจากกระทรวงกลาโหมซึ่งลาออกก่อนเกษียณ เขาเป็นอดีตดอกเตอร์เกียรตินิยมจากฮาร์วาร์ด ปัจจุบันได้รับการว่าจ้างให้ทำหน้าที่วิเคราะห์ข่าวกรองให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ”
คมจักรร่ายยาวอย่างคนทำการบ้านมาดี
“แต่ที่น่าสนใจมากที่สุดคือ ฉันเช็คดูเบอร์จากการใช้โทรศัพท์ของบรรลือศักดิ์แล้ว เขาโทรไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาก่อนจะปลิดชีพตัวเอง”
“ข้อมูลนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญเลยนะ”
“งั้นก็รีบไปสอบปากคำดอกเตอร์สุทธิชัยดีกว่า มัวเสียเวลาทำไม”
คมจักรพูดเป็นประโยคสุดท้าย
———————————–
ภายในห้องบรรยายชั้นล่าง อาคารใหญ่สำนักงานข่าวกรองทางทหารกระทรวงกลาโหม ไม่มีใครสนใจกับธงอินทร์และคมจักรซึ่งเดินเข้าไปหย่อนกายลงบนที่นั่งแถวหลังสุด ขณะที่ดอกเตอร์สุทธิชัยซึ่งยืนอยู่ที่โพเดียมเอ่ยกับลูกศิษย์
“ตอนนี้เราเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้สายลับสองหน้าแล้ว ต่อไปเราลองมาพิจารณาความเสี่ยงกันหน่อย ใครจะอาสาอธิบายในเรื่องนี้บ้าง”
ห้องเรียนเงียบไปชั่วอึดใจก่อนที่นายทหารคนหนึ่งจะยกมือขึ้น
“ผมครับอาจารย์”
“ดีมาก คุณนริศ”
อดีตข้าราชการกลาโหมวัยห้าสิบชมก่อนจะถามย้ำ
“ไหนลองอธิบายให้เพื่อนๆ ฟังสิว่าการใช้สายลับสองหน้าในภารกิจข่าวกรองมีความเสี่ยงยังไงบ้าง”
“เราอาจถูกเขาตลบหลังหรือทรยศได้ครับ”
“เหตุผลล่ะ”
“เพราะหากเราสามารถเกลี่ยกล่อมใครสักคนให้ทรยศต่อสิ่งที่เขารักมากที่สุด อย่างเช่นประเทศของเขา ครอบครัวของเขา นั่นหมายถึงว่าคนพวกนี้มีจิตใจโลเลซึ่งมีโอกาสจะกลับมาทรยศต่อเราและเป็นอันตรายได้ทุกเมื่อ”
“ดีมาก”
ดอกเตอร์จากฮาร์วาร์ดพยักหน้า
“แล้วถ้าคุณรู้ว่าคนที่รับเข้ามาไว้ใจไม่ได้ คุณจะทำยังไง”
“เราต้องใช้วิธีบีบบังคับหรือกดดันสร้างเงื่อนไขใหม่เพิ่มเติมโดยไม่ทำให้ภารกิจเสียหายครับ”
ธงอินทร์กับคมจักรปล่อยให้การบรรยายในชั้นเรียนจบสิ้นลงตามเวลาก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าไปพบอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านข่าวกรองเพื่อพูดคุยในสิ่งที่อยากรู้
“จ่าบรรลือศักดิ์เป็นนักเรียนที่ดี ผมบอกพวกคุณได้แค่นั้น”
ดอกเตอร์สุทธิชัยพูดเสียงเรียบ
“ดอกเตอร์เคยสอนเรื่องการข่าวของเมืองเบาได๋ ประเทศเวียดนาม ในชั้นเรียนหรือเปล่า”
“เคยครับ ทำไมเหรอ”
อีกฝ่ายย้อนถามธงอินทร์
“ลูกศิษย์ของดอกเตอร์ได้รับพัสดุที่ส่งมาจากเบาได๋ ในกล่องนั้นมีลูกตาของมนุษย์ถูกควักมาจากศีรษะของผู้หญิง”
“หา…”
ดอกเตอร์สุทธิชัยอุทาน
“ฝีมือใครกัน ทำไมโหดร้ายถึงเพียงนี้”
“ผมก็อยากรู้ครับ”
“แล้วจ่าเขาว่ายังไงบ้าง”
“บรรลือศักดิ์อ้างว่าไม่รู้เรื่องและยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างแข็งขัน”
“ดอกเตอร์เคยคุยกับเขาแบบส่วนตัวนอกชั้นเรียนบ้างหรือเปล่าครับ”
คมจักรถามขึ้นบ้าง
“ในชั้นเรียนของผม นักเรียนทหารส่วนใหญ่มักจะชอบคนที่สอนเกินเวลาหรือคุยนอกชั้นเรียน แต่การไม่เข้าไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของลูกศิษย์เป็นเรื่องดีที่สุดสำหรับผม”
น้ำเสียงที่ตอบมาจริงจัง
“แสดงว่าดอกเตอร์ไม่เคยคุยนอกรอบกับจ่าของเราซึ่งทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง”
อดีตข้าราชการกลาโหมฝืนหัวเราะ
“ฟังดูเหมือนผมกำลังถูกสอบสวนด้วยเหตุผลบางอย่างใช่ไหมครับ”
“ทำไมเมื่อคืนเขาถึงโทรหาอาจารย์”
ธงอินทร์เริ่มคาดคั้น
“ลูกศิษย์ของผมส่วนใหญ่โทรหาผมที่บ้านเหมือนกันทั้งนั้น เมื่อคืนจ่าของคุณโทรหาผมเรื่องขอเลื่อนส่งรายงานที่ต้องส่งอาทิตย์นี้”
“แล้วอาจารย์อนุญาตเขาหรือเปล่า”
“อนุญาตสิครับ”
ตอบพร้อมกับยักไหล่
“เรื่องแค่นี้ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่ยอม”
“ดีแล้ว ถือเป็นการช่วยลูกศิษย์ครั้งสุดท้าย”
ประโยคนั้นทำให้ดอกเตอร์สิทธิชัยขมวดคิ้ว
“ผู้พันหมายความว่าไง เขามีปัญหาอะไรหรือครับ”
“จ่าเอกบรรลือศักดิ์ตายแล้ว”
คมจักรเป็นผู้ตอบคำถามนั้น
“ลูกศิษย์ของคุณฆ่าตัวตายเมื่อคืนนี้”
“มายก็อด…!”
อาจารย์ที่ปรึกษาอุทานออกมาเป็นภาษาอังกฤษ
“ผมไม่รู้จะพูดอะไรดีหลังได้ยินข่าวนี้”
“ทำไมเราไม่เริ่มที่สิ่งที่คุณเคยพูดกับเขาล่ะครับ”
คมจักรจ้องหน้า
“ที่เรามาวันนี้ก็เพราะอยากรู้ว่าคนตายคุยอะไรกับอาจารย์ของเขาเป็นครั้งสุดท้าย”
“มันก็ไม่มีอะไรสำคัญหรอก เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาขอเลื่อนส่งงาน ผมเคี่ยวเขาหนัก และบอกว่าถ้าเขาไม่ทันเพื่อน ผมจะตัดเขาออกจากกลุ่ม”
“แต่การทำแบบนั้นมันจะทำให้บรรลือศักดิ์เสียอนาคตได้ บางทีการตอกย้ำของอาจารย์อาจเป็นการกดดันลูกศิษย์โดยไม่ตั้งใจ”
“ผมแค่ขู่ไปอย่างนั้นเอง ผมแน่ใจว่านั่นไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เขาฆ่าตัวตาย”
ดอกเตอร์สิทธิชัยทำท่าอึดอัด
“พวกคุณมีอะไรจะถามผมอีกมั้ย”
“สำหรับวันนี้คงแค่นี้ครับ”
ธงอินทร์ยิ้มเล็กน้อย
“ถ้าจำเป็นหรือมีอะไรคืบหน้า ผมจะติดต่อมาใหม่”
“ยินดีเสมอ”
นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของดอกเตอร์จากฮาร์วาร์ด ก่อนที่จะผละออกไปอย่างเร็วเหมือนไม่อยากยืนอยู่ตรงหน้าของนายทหารทั้งสอง
———————————–
ในช่วงแรกที่ขับรถกลับมาจากการสอบปากคำที่ศูนย์อบรมข่าวกรองทางทหาร ธงอินทร์ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาเลยและคมจักรก็รู้ดีว่าเพื่อนคู่หูกำลังใช้สมองไตร่ตรองและประเมินคำพูดที่ได้ยินอย่างถี่ถ้วน
“ตอนที่จ่าของเรายิงตัวตาย นายแน่ใจนะว่าไม่เห็นคนอื่นเข้าออกบ้านพักของเขา”
ธงอินทร์เริ่มคำถามแรกกับคมจักรด้วยการย้อนกลับไปยังเหตุการณ์สำคัญ
“ฉันยืนยันได้ว่าบรรลือศักดิ์อยู่ที่บ้านคนเดียว”
คมจักรตอบ
“และข้อมูลที่ได้จากการเช็คโทรศัพท์ของเขาหลายครั้งก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมคือบรรลือศักดิ์ไม่ได้โทรหาคนอื่นนอกจากอาจารย์ของเขาก่อนหน้าที่จะตัดสินใจที่จะฆ่าตัวเองเพียงไม่กี่ชั่วโมง”
“นายสงสัยเหมือนฉันมั้ยว่า คนที่เป็นอาจารย์สอนวิชาด้านการข่าวมีอะไรที่สำคัญกับเขามากถึงขนาดต้องโทรไปหาก่อนฆ่าตัวตาย?”
“ความสงสัยของฉันยังมีประเด็นอื่นมากกว่านั้นอีก”
“เรื่องอะไรหรือ”
“ดอกเตอร์สิทธิชัยรู้มั้ยว่าลูกศิษย์ของเขาคนนี้มีสองวิญญาณในร่างเดียว”
“ถ้าประเมินจากการที่จ่าของเราโทรไปหาเขาก่อนฆ่าตัวตาย ฉันฟันธงเลยว่าเขาต้องรู้เรื่องนี้แน่”
ธงอินทร์ให้ความเห็นไม่ละสายตาไปจากการจราจรเบื้องหน้า
“นายคิดว่าโกหกเรารึเปล่า”
คมจักรเข้าประเด็นก่อนจะได้ยินธงอินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“ถึงจะไม่โกหก แต่สัญชาตญาณบอกฉันว่าเขาพูดความจริงไม่หมด”
“บางทีในโน้ตบุ๊คของบรรลือศักดิ์ที่ฉันได้มาจากห้องพักของเขาอาจจะมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ในเชิงลึกกับอาจารย์ของเขามากขึ้นก็ได้”
“นายส่งมันให้ฝ่ายเทคนิคตรวจสอบแล้วใช่มั้ย”
“ป่านนี้คงรู้เรื่องแล้วละ และคำตอบคงกำลังรอเราอยู่ที่กรม”
ทุกอย่างเป็นไปตามที่คมจักรพูด เพราะเมื่อธงอินทร์กับคมจักรกลับไปถึงกองบัญชาการ ทั้งสองก็พบว่าฝ่ายตรวจสอบและวิเคราะห์ซอฟแวร์กำลังนั่งรออยู่ในห้องทำงานพร้อมด้วยหลักฐานสำคัญ
“หลักฐานชิ้นนี้ดูภายนอกมันก็เหมือนโน้ตบุ๊คธรรมดา แต่ถ้าเปิดดูข้างในจะรู้เลยว่ามันแตกต่างกันอย่างมาก”
เจ้าหน้าที่ระบบไอทีบอกและนั่นจึงทำให้ธงอินทร์ย้อนถาม
“มันเป็นยังไงหรือ”
“เจ้าของโน้ตบุ๊คป้องกันคนภายนอกเข้าไปสืบค้นข้อมูลอย่างรัดกุมเหมือนคนที่กำลังซ่อนบางอย่างไว้”
“แปลว่าเขามีความลับ”
“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ”
เจ้าหน้าที่มือดีตอบพร้อมกับพยักหน้า
“วิธีการป้องกันของจ่าคนนี้ดูเหนือชั้นมากกว่าซอฟแวร์เข้ารหัสทั่วไปที่ผมเคยเห็นมา และการตั้งโปรแกรมด้วยคำสั่งที่ซับซ้อนยืนยันว่าคนที่ใช้โน้ตบุ๊คเครื่องนี้เป็นพวกมือเซียนกว่าคนใช้คอมพิวเตอร์ทั่วไป”
ธงอินทร์ขมวดคิ้ว
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ถึงจะเป็นแค่จ่าแต่ในเรื่องความชำนาญไอที ผมแน่ใจว่าเขาเป็นเซียนตัวจริงเสียงจริงที่มีฝีมือขั้นเทพเลยละครับ”
“แล้วตกลงคุณเจาะข้อมูลของเทพคนนี้ได้หรือเปล่า”
“ต้องได้สิครับ ถ้าไม่ได้ก็เสียชื่อแย่”
เจ้าหน้าที่วัยกลางคนยิ้มอย่างภูมิใจก่อนจะพูดต่อ
“หลังจากเจาะโปรแกรมของเขาแล้ว ผมเจอกระทู้ของจ่าบรรลือศักดิ์หลายอันซุกอยู่ในไฟล์ของเขา แต่ส่วนใหญ่เป็นการเขียนเรื่องส่วนตัว”
“ส่วนตัวแบบไหน”
คมจักรถามบ้าง
“ส่วนใหญ่เป็นเรื่องประมาณว่าผู้ชายมาจากดาวอังคาร ผู้หญิงมาจากดาวศุกร์ เขาสนใจเรื่องความแตกต่างระหว่างหญิงกับชายอย่างมาก”
“นอกจากกระทู้แล้วในโน้ตบุ๊คของเขามีภาพหรือคลิปส่วนตัวบ้างหรือเปล่า”
“มีครับ เยอะมากด้วย”
เจ้าหน้าที่ไอทีหันไปทางธงอินทร์อีกครั้ง
“แต่ที่ผมคิดว่าที่ผู้พันน่าจะสนใจก็คือรูปนี้…”
พูดจบก็คลิกภาพให้ธงอินทร์เห็น
“ถ้าใช้วันเวลาและจำนวนครั้งมาเป็นข้อสังเกต จ่าของเราดูรูปนี้ถึง 20 ครั้งในวันที่เขาตัดสินใจฆ่าตัวตาย”
“ก่อนหน้านี้จ่าคลิกดูรูปนี้บ้างหรือเปล่า”
“บ่อยมากครับ”
เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญตอบทันที
“ผู้พันอาจจะนึกไม่ถึงว่าตั้งแต่มีการโหลดรูปนี้ลงเครื่อง จ่าของเราเปิดดูมาแล้ว 39 ครั้ง ในเวลา 2 สัปดาห์”
“คุณช่วยส่งรูปนี้ไปทางแล็ปนิติเวชของนายแพทย์มโนด่วนเลยนะ”
“ได้ครับ”
“แล้วก็ช่วยค้นรูปผู้ชายคนนี้ให้ผมด้วย”
ธงอินทร์พูดพลางหยิบมือถือออกมาเปิดหน้าจอให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเห็น
“ผมอยากรู้ว่ามีรูปของเขาอยู่ในโน้ตบุ๊คของคนตายบ้างหรือเปล่า”
“ส่งเข้าไลน์มาเลยครับ เดี๋ยวผมจัดการให้”
“นายแอบถ่ายรูปอาจารย์ของจ่าเอกบรรลือศักดิ์ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
คมจักรถามเมื่อเห็นภาพของดอกเตอร์สิทธิชัย
“ก็ตอนที่เรานั่งฟังเขาบรรยายหน้าชั้นก่อนหมดชั่วโมงสอนยังไงล่ะ”
ธงอินทร์ตอบตามตรง
“ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลูกศิษย์จะมีรูปอาจารย์อยู่ในโน้ตบุ๊ค แต่ถ้าบังเอิญรูปที่มีเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสถานที่อโคจร มันก็จะเป็นอีกเบาะแสหนึ่งที่ทำให้เราสามารถปะติดปะต่อเรื่องได้มากขึ้น”
“ถ้างั้นเราก็ควรจะจับตาดูอาจารย์ข่าวกรองคนนี้ไว้เหมือนกัน”
“แน่นอน”
ธงอินทร์พยักหน้า
“ตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากรู้มากที่สุดก็คือ ดอกเตอร์สิทธิชัยเดินทางไปเมืองเบาได๋บ้างหรือเปล่า”
“ถ้าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับโน้ตบุ๊คเครื่องนี้อีกแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
เจ้าหน้าที่ไอทีกล่าวตัดบทแล้วลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินจากไป ขณะที่คิดอย่างมั่นใจว่าการสืบหาความจริงในเรื่องการฆ่าตัวตายของจ่าทหารเรือรายนี้ใกล้ถึงปลายทางแล้ว…
***********************************
อ่านทุกตอนคลิ๊กที่รูป