◊ มิคสัญญีแดนเดือด ◊
………..
นาญัฟ ประเทศอิรัก
เวลาบ่ายสองโมง
กัมปนาทการยิงยังคงดังสนั่นหวั่นไหวขณะที่วิถีกระสุนแดงโร่พุ่งเข้ามายังอาคารที่ทำการสำนักงานบริหารกิจการอิรักราวกับห่าฝน ยังผลให้ผนังอาคารแตกกระจายเศษปูนปลิวว่อน
แม้ฝ่ายที่ตั้งรับจะมีกำลังน้อยกว่า แต่ทุกคนก็มิได้เสียขวัญ และยังคงปักหลักยิงต่อสู้อย่างเหนียวแน่นด้วยอาวุธทุกชนิดที่มีอยู่
“ผู้พัน…!”
เบนจามิน พีท ตะโกนแข่งกับเสียงปืน
“มีสไนเปอร์ข้าศึกยิงมาจากโรงแรมร้างด้านตรงข้าม ช่วยจัดการให้ที ไม่งั้นเราลำบากแน่”
“โอเค คุณจะได้ตัวช่วยนั้นเดี๋ยวนี้!”
คมจักรร้องบอกราวกับอยู่ในเกมโชว์ทางทีวี จากนั้นจึงหันไปทางธงอินทร์
“มากับฉัน… สไนเปอร์ต้องมีคนชี้เป้า ไม่งั้นไม่ครบสูตร”
“ได้เลยเพื่อน”
ธงอินทร์ตอบก่อนที่วิ่งก้มตัวคู่ไปกับคมจักรโดยไม่ชักช้าเมื่อไปถึงตำแหน่งที่ต้องการ คมจักรก็พาดปืนกับกำแพงคอนกรีต ขณะที่ธงอินทร์ใช้กล้องส่องทางไกลกวาดเป้าไปทางโรงแรมร้างที่ยังสร้างไม่เสร็จ
และแล้วเขาก็เห็น “พลซุ่มยิง” ของกองทัพมะห์ดีย์คนหนึ่งปักหลักอยู่ที่ชั้นสามของอาคารกำลังเล็งยิงมายังฝ่ายตรงข้าม
“คมจักร เป้าหมายบนโรงแรมชั้น 3 ตรงหน้าต่างช่องที่ 4 จากซ้าย… นายเห็นไหม”
ธงอินทร์ร้องบอกจากสิ่งที่เห็น
“ชัดเจนแม้กระทั่งแผลเป็นกลางหน้าผากของมัน”
คมจักรตอบหลังจากหันปากกระบอกปืนไปยังทิศทางที่ธงอินทร์บอก พร้อมกับมองผ่านกล้องเล็งกำลังขยายสูงไปด้วย จากนั้นจึงปรับอัตราการขยายภาพให้ชัดเจนขึ้น
“พร้อมแล้วยิงได้เลย!”
ธงอินทร์ร้องซ้ำอีกครั้ง
ยอดพยัคฆ์ชาวไทยซึ่งทำหน้าที่พลซุ่มยิงจึงสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มน้ำหนักที่นิ้วเพื่อเหนี่ยวไกเข้าหาตัว จนกระทั่งมีเสียงดังปังตามมา
แต่กระสุนนัดนี้พลาดเป้าเพราะมันพุ่งไปโดนขอบหน้าต่างด้านซ้ายจนเศษปูนกระจายออกมา
“วัน ช็อต… วัน คิล ตามสโลแกนของสไนเปอร์”
ธงอินทร์พูดเสียงเรียบ
“ทำไมนายไม่ทำตามกฎ”
“ปืนไม่ดี”
คมจักรพูดหน้าตาย
“มันเป็นไรเฟิลของทหารอเมริกันไม่ใช่ไรเฟิลซุ่มยิงของฉัน”
“รำไม่ดีอย่าโทษปี่โทษกลอง”
ธงอินทร์เน้นเสียง
“แก้ตัวอีกครั้ง คราวนี้อย่าให้พลาดนะ”
คมจักรไม่ตอบแต่ปรับกล้องเล็งใหม่อีกครั้งแล้วจึงเหนี่ยวไกปืนเป็นครั้งที่สอง แต่คราวนี้กระสุนแฉลบออกไปทางด้านขวาพลาดเป้าอีกจนได้
“ยังไม่โดน! นายคงลืมชดเชยทิศทางลม”
ธงอินทร์ร้องบอก ขณะที่คมจักรรับคำเบาๆ แล้วปรับปืนอีกครั้ง จากนั้นจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ ก่อนจะใช้นิ้วชี้เหนี่ยวไกในเสี้ยววินาทีต่อมา ทำให้เสียงระเบิดของดินขับกระสุนดังขึ้น
ปัง!
แรงอัดของมันดันหัวกระสุนขนาด 5.56 มิลลิเมตร ให้พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเจาะเข้าไปยังหน้าผากพลซุ่มยิงของกองทัพมะห์ดีย์อย่างเหมาะเหม็ง
พลแม่นปืนศัตรูที่กำลังเล็งยิงมายังเป้าหมายในสำนักงานบริหารอิรัก จึงหงายหลังลงไปในบัดดลด้วยอานุภาพของกระสุนนัดที่สามของคมจักร
“เห็นฝีมือฉันรึยังเพื่อน… โป้งเดียวหัวกระจาย”
“ระวัง! พลยิงอาร์พีจี ที่ต้นไม้ตรงทิศสามนาฬิกา!”
ธงอินทร์ตะโกนขึ้นมาหลังจากส่องกล้องมองเห็นภัยคุกคามใหม่
“เห็นแล้ว!”
ไม่ทันขาดคำเสียงดังปังจากปืนไรเฟิลมาร์ค-12 ของคมจักรก็ดังขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับกระสุนขนาด 5.56 มิลลิเมตร แล่นออกจากปากกระบอก พุ่งเข้าไปเจาะหน้าอกขวาของชายโพกผ้าชีมัคในชุดสีเทาดำ ซึ่งกำลังเล็งจรวดอาร์พีจีมาที่ตึกของฝ่ายอเมริกันอย่างแม่นยำ
อานุภาพของกระสุนสังหารนัดนั้นทำให้พลยิงอาร์พีจี ผงะหงาย จรวดกระเด็นหลุดจากบ่าตายตามเพื่อนของมันไปในทันที!
——————————————-
12 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น
บรรยากาศของการสนทนาในห้องรับแขกชั้นล่าง อาคารบริหารกิจการอิรักดำเนินไปอย่างเป็นกันเอง โดยมีแนวโน้มว่าทั้งสองฝ่ายพอใจในข้อเสนอของกันและกัน
“ถึงแม้ว่าอิรักจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว แต่เรายังมีกิจการที่เป็นของภาคเอกชนอยู่ในประเทศนี้อีกมาก และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทางวอชิงตันต้องการให้สำนักงานบริหารกิจการอิรักของสหรัฐฯดำเนินงานต่อไปเหมือนเดิม”
พอล เบรเมอร์ หัวหน้าสำนักงานซึ่งถูกส่งมาจากวอชิงตันกล่าวกับบุรุษชาวไทยที่นั่งอยู่บนโซฟาด้านตรงข้าม
“สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ งานหลักของเราไม่ได้เน้นเรื่องความมั่นคงและภารกิจทางทหารเป็นหลักเหมือนในช่วงเปลี่ยนผ่านหลังจากซัสดัม ฮุสเซน พ้นจากอำนาจ แต่เรามุ่งในการสนับสนุนงานพัฒนาในด้านต่างๆ ทั้งด้านโภชนาการ การสื่อสารโทรคมนาคม การก่อสร้าง รวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อให้เกิดการสร้างงานที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศนี้”
“รัฐบาลของไทยทราบดีครับ”
ธงอินทร์ก้มศีรษะเล็กน้อย
“และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทั้งภาครัฐและเอกชนของไทยเสนอตัวเข้ามามีส่วนร่วมในการคัดเลือกเพื่อรองรับงานดังกล่าวผ่านสำนักงานบริหารกิจการอิรักที่คุณเบรเมอร์เป็นผู้รับผิดชอบสูงสุด”
“ด้วยความยินดีครับ”
หัวหน้าสำนักงานชาวอเมริกันยิ้มให้นายทหารชาวไทยซึ่งอยู่ในเครื่องแต่งกายแบบสากล
“ผมไม่ขัดข้องเลยที่จะจัดสรรงานซึ่งเกี่ยวกับระบบการ รปภ. ทั้งบุคคลและสถานที่ตามนโยบายกลาโหมของไทยที่ต้องการให้กำลังพลที่ปลดประจำการเดินทางมาเป็นผู้ปฏิบัติงานที่นี่”
“ไว้ใจอดีตทหารเกณฑ์ของไทยเถอะครับ”
คมจักรพูดขึ้นบ้าง
“โดยเฉพาะอดีตทหารเกณฑ์จากกองทัพเรือด้วยแล้ว รับประกันว่าเต็มร้อยทั้งระเบียบวินัย ความรับผิดชอบ และทักษะทางทหารแต่ละคนคุณภาพคับแก้ว”
“ผู้พันคงฝึกมากับมือ”
“แน่นอนครับ”
คมจักรยืดอก
“ทุกคนยิงปืนแม่นขว้างระเบิดไกล เก่งไอที ได้ทั้งแอพพลิเคชั่นไลน์ทั้งอินสตาแกรม กลางคืนไม่หลับยาม กลางวันเคร่งครัดต่อหน้าที่ ไม่มีการเล่นเฟซหรือโพสต์อะไรเลอะเทอะ
“เหมือนที่ผู้พันพูด… ?”
พอล เบรเมอร์ สัพยอก
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”
คมจักรอมยิ้ม
“ดีครับ คนที่มีอารมณ์ขับอย่างผู้พันมักจะไม่เครียดและอายุยืนอีกต่างหาก”
“สถานการณ์ที่นี่ในช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ”
ธงอินทร์ดึงกลับมาเข้าเรื่องด้วยคำถามเป็นงานเป็นการ
“ไม่ค่อยดีครับ”
อีกฝ่ายตอบตามตรง
“รัฐบาลอิรักกำลังสร้างปัญหาน้ำผึ้งหยดเดียวโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้สำนักงานของสหรัฐฯสุ่มเสี่ยงที่จะตกเป็นเป้าหมาย”
“เรื่องมันเป็นยังไงกันครับ”
พอล เบรเมอร์ เปลี่ยนสายตามายังธงอินทร์ก่อนจะร่ายยาว
“เมือง ‘นาญัฟ’ เป็นที่มั่นสำคัญของ ‘มุกตะดา อัซซ็อดรุ’ ผู้นำมุสลิมชีอะห์ที่รณรงค์มวลชนในการต่อต้านสหรัฐฯ ทุกรูปแบบ เพราะเห็นว่าเป็นผู้รุกรานจนซัสดัมพ้นจากอำนาจ ก่อนหน้านี้เพียงสัปดาห์เดียว เจ้าหน้าที่ตำรวจอิรักและหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสหรัฐฯ ได้สนธิกำลังกันเข้าจับกุมตัวของผู้ช่วยคนสำคัญของอัซซ็อดรุ”
พอล เบรเมอร์ เว้นระยะไปนิดหนึ่ง
“จากนั้นทางผู้ว่าฯ มีคำสั่งให้ปิดหนังสือพิมพ์อัลฮาว์เซาะของ อัซซ็อดรุ ในข้อหาปลุกปั่นยุยงให้เกิดการต่อต้านรัฐบาลโดยใช้ความรุนแรง สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความไม่พอใจให้แก่อัซซ็อดรุ และมวลชนของเขาอย่างมาก จนทำให้เกิดการประท้วงสหรัฐฯ ไปทั่วทั้งเขตมุสลิมชีอะห์ในอิรัก
“ถ้าผู้ว่าฯ เป็นคนสั่งปิดหนังสือพิมพ์ ทำไมมวลชนถึงไม่พอใจสหรัฐฯล่ะครับ”
“เพราะพวกเขาเชื่อว่าสหรัฐฯ ชักใยอยู่เบื้องหลัง”
พอล เบรเมอร์ ตอบตามตรง
“ด้วยเหตุนี้เองเมื่อวานตอนเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นฝูงชนชีอะห์จำนวนมากที่โกรธแค้นสหรัฐฯ จึงพากันมารวมตัวที่ด้านหน้าที่ตั้งของสำนักงานบริหารกิจการของเรา”
“มีเหตุการณ์รุนแรงไหมครับ”
“ฝูงชนที่กำลังคลั่งชาติถือธงผ้าสีแตกต่างกันไปตามแต่ละหมู่บ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่พร้อมกับร้องตะโกนสาปแช่งสหรัฐฯ ให้พินาศขณะที่ด้านหลังสุดของพวกเขา กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดดำโพกผ้าชีมัคปิดหน้าตา พร้อมปืนอาร์ก้า ก็เข้ามาช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับมวลชน”
พอล เบรเมอร์ เล่าต่อ
“ชายฉกรรจ์เหล่านี้สวมเสื้อยืดสีดำที่หน้าอกมีอักษรอาหรับสีขาวเขียนเอาไว้ว่า “กองทัพมะห์ดีย์” ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงรู้ดีว่าเป็นกองกำลังส่วนตัวของมุกตะดา อัซซ็อดรุ
อย่างไรก็ตาม แม้ฝูงชนที่ด้านหน้าจะแสดงอาการเกรี้ยวกราดออกมาให้เห็น แต่พวกเขาก็ปล่อยให้เจ้าหน้าที่สื่อสาร พร้อมพนักงานบริษัทเอกชนจำนวนหนึ่งผ่านประตูเข้ามาอัพเกรดอุปกรณ์สื่อสารที่ติดตั้งอยู่ภายในแคมป์กอล์ฟซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานได้ตามต้องการ”
“มีการปะทะหรือสลายม็อปหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีครับ เพราะก่อนที่สถานการณ์จะรุนแรงไปกว่านี้ ผู้บัญชาการตำรวจเมืองนาญัฟก็ส่งกำลังจากหน่วยควบคุมฝูงชนมาเคลียร์พื้นที่ทุกอย่างจึงยุติลง”
“ค่อยโล่งอกหน่อย”
คมจักรพูดยิ้มๆ
“อย่างน้อยตำรวจอิรักก็ยังทำหน้าที่แบบตรงไปตรงมา”
“แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะซิครับ”
พอล เบรเมอร์ สั่นศีรษะ
“เพราะหลังจากนั้นวันเดียวผู้บัญชาการคนนั้นก็ถูกกดดันให้ลาออก ครอบครัวถูกคุกคามจากคนของอัซซ็อดรุ”
คมจักรหยุดยิ้มทันควัน
“แปลว่าที่นี่กำลังจะกลายเป็นรัฐล้มเหลว”
“ผมก็คิดอย่างนั้น”
พอล เบรเมอร์ พยักหน้าช้าๆ
“ยังโชคดีอยู่บ้างที่ผมร้องขอนาวิกโยธินจากสถานทูตสหรัฐฯ มาช่วยดูแลที่นี่ถึงจะได้มาแค่ 5 คน แต่พวกเขาก็ขนอาวุธมาเผื่อเจ้าหน้าที่ของผมด้วย”
ยังไม่ทันที่จะมีใครพูดอะไรกันต่อ “นีล ยังส์” สิบตรีนาวิกโยธินก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามายังห้องรับแขก
“แย่แล้วครับ… หัวหน้า”
น้ำเสียงนั้นร้อนรน
“ฝูงชนหลายร้อยคนกำลังมุ่งหน้ามาที่สำนักงานของเราครับ!”
——————————————-
มุสตาฟาร์ หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธที่ภักดีต่ออัซซ็อดรุอย่างสุดขั้ว เป็นผู้รับผิดชอบต่อปฏิบัติการโจมตีสำนักงานบริหารกิจการของสหรัฐฯใจกลางเมือญานัฟ
แผนการที่มุสตาฟาร์ วางไว้ก็คือการใช้ “ม็อบ” ที่เป็นฝูงชนมือเปล่านำหน้าเพื่อกำบังการเข้าประชิดเป้าหมายของนักรบติดอาวุธซึ่งจะกระจายกำลังกันเข้าล้อมอาคารของศัตรูไว้ทุกด้านเพื่อยิงถล่มเข้าใส่
เมื่อสังหารเจ้าหน้าที่อเมริกันและยึดสำนักงานได้แล้วกองกำลังที่ภักดีต่อผู้นำจะลากศพผู้เสียชีวิตไปรอบๆ เมือง เพื่อประกาศชัยชนะและส่งสัญญาณไปยังรัฐบาลกลางว่า การร่วมมือกับทำเนียบขาวคือสิ่งที่ชาวชีอะห์ไม่ต้องการ
เบนจามิน พีท อดีตเนวี ซีล ประจำอยู่บนหลังคาดาดฟ้าอาคารพร้อมด้วยอาวุธประจำกายขณะที่มองเห็นฝูงชนชาวชีอะห์โห่ร้องและเริ่มขว้างปาสิ่งของข้ามกำแพงเข้ามา
“สถานการณ์ส่อเค้าว่าจะบานปลายยกระดับการป้องกันเป็นเคฟคอน ทรี!”
พีท กรอกเสียงใส่วิทยุสื่อสาร
“ทุกคนที่มีอาวุธขึ้นมาประจำตำแหน่งยิง… ย้ำ… ขึ้นมาประจำตำแหน่งยิง!”
พูดจบ พีทก็ปลดไรเฟิลอัตโนมัติที่สะพายอยู่ออกจากบ่า แล้วกระชากลูกเลื่อนให้พร้อมใช้งาน
จังหวะนั้นเองสายตาของพีทมองเห็นฝูงชนแตกฮือวิ่งกระจายออกจากตำแหน่งเกือบจะพร้อมๆ กับที่รถกระบะหลายคันพุ่งเข้ามาแทนก่อนที่ชายฉกรรจ์โพกผ้าชีมัคพร้อมอาวุธในชุดกองทัพมะดีห์กระโจนลงมาอย่างรวดเร็ว
“บลูเชี้ยด! ข้าศึกทั้งนั้นเลย!”
พีทร้องสบถออกมาอย่างลืมตัวก่อนที่โสตประสาทจะดังสะท้านด้วยกัมปนาทปืนจากด้านนอกที่ระเบิดรัวหูดับตับไหม้จากการยิงของฝ่ายตรงข้าม
ปังๆๆๆๆ! ปังๆๆๆๆ!
เสียงแผดสนั่นหวั่นไหวทำให้เจ้าหน้าที่อเมริกันในอาคารรู้ได้ในทันทีว่าการโจมตีเกิดขึ้นแล้ว พอลเบรเมอร์ซึ่งอยู่ในห้องรับแขกชั้นล่างจึงร้องบอกบุรุษชาวไทยด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“ที่นี่ไม่ปลอดภัยแล้ว ผมอยากให้ผู้พันลงไปในห้องใต้ดินขณะที่ผมวิทยุของความช่วยเหลือ”
“ให้เราสองคนช่วยพวกคุณดีกว่า”
คมจักรพูดสวนทันที
“เพราะถ้าสำนักงานแห่งนี้ถูกตีแตกก่อนที่ความช่วยเหลือจะมาถึง ผมกับธงอินทร์ก็คงไม่รอดเหมือนกัน”
“แต่พวกคุณเป็นคนไทย ไม่ใช่อเมริกัน”
“จะชาติไหนก็ไม่สำคัญหรอกครับ เพราะเมื่อไหร่ที่อันตรายมาถึงตัวทุกคนก็ต้องต่อสู้เพื่อปกป้องชีวิตทั้งนั้น”
“โอเค. งั้นคุณตามสิบตรียังส์ขึ้นไปประจำแนวเลย !”
หัวหน้าสำนักงานพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ข้างบนดาดฟ้า พอล เบรเมอร์ อดีตซีลมือดีปักหลักอยู่ เขาคงดีใจมากที่มีนาวาโทจากกองทัพเรือไทยขึ้นไปร่วมรบด้วย !”
——————————————-
แม้จะเห็นอยู่กับตาว่าพลยิงอาร์พีจีถูกสอยจนล้มคว่ำไปแล้วแต่มุสตาฟาร์ซึ่งบัญชาการโจมตีอยู่หลังพาหนะคันหนึ่งก็มิได้ล้มเลิกความพยายามในการใช้จรวดหัวปลีถล่มเป้าหมาย
เขาร้องสั่งให้นักรบอีกคนวิ่งไปยังตำแหน่งที่อาวุธประทับบ่าหล่นอยู่บนพื้นภายใต้การยิงคุ้มกันของฝ่ายเดียวกัน
แต่ไอ้นั่นไม่รู้เลยว่ามรณะกาลของมันกำลังจะมาถึง
เพราะสไนเปอร์ชาวไทยกระชับปืนเข้าร่องไหล่เล็งศูนย์เข้าหาจรวดหัวปลีรออยู่แล้วอย่างเยือกเย็น
“ตายโหงไปเถอะมึง!”
นักรบกองทัพมะห์ดีไม่ได้ยินเสียงคำรามของคมจักรในวินาทีที่เหนี่ยวไก และสิ่งสุดท้ายที่สายตาของมันมองเห็นก็คืออาร์พีจี ซึ่งอยู่ห่างออกไปแค่เอื้อมกลายเป็นประกายไฟสว่างวาบพร้อมด้วยเสียงกัมปนาทปานฟ้าผ่า
ตูม!
แรงระเบิดและสะเก็ดสังหารที่แผดแผ่ออกมาจากหัวจรวดที่ถูกยิงจุดชนวน ทำให้ร่างของชีห์อะชะตาขาดแหลกกระจายกลายเป็นเศษเนื้อปลิวว่อนออกไปรอบทิศ
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นักรบที่เห็นจุดจบของฝ่ายเดียวกันเริ่มเสียขวัญรวนเรจนมุสตาฟาร์ต้องร้องตะโกนอย่างเดือดดาล
“ยิงเข้าไป! ฆ่ามันให้ได้!”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของคนเป็นหัวหน้าทำให้ลูกน้องฮึดขึ้นมาอีกครั้งและนั่นจึงทำให้กระสุนของนักรบชีอะห์พุ่งเข้ามาราวกับห่าฝนจนฝ่ายที่ตั้งรับไม่เว้นแต่คมจักรกับธงอินทร์ต้องก้มหลบไม่อาจโงหัวขึ้นมาได้
แต่นั่นก็ยังไม่เลวร้ายเท่ากับกระสุนชุดหนึ่งจับเปาะเข้าใส่ร่างของเบนจามิน พีท จนหน้าคะมำลงไปกระแทกพื้น
“หัวหน้า!”
สิบตรียังส์ร้องอุทานอย่างตกใจแล้วถลันเข้าไปยังอดีตเนวีซีลเจ้าของร่างล่ำบึ้กหนักกว่า 180 ปอนด์
“แข็งใจไว้ก่อน ผมจะดูแผลให้”
“แม่งเอ๊ย… เจ็บชิบ”
เบนจามิน พีท ขบกรามแน่น
“ไม่นึกเลยว่าจะโดนเข้าจนได้”
“ผมจะห้ามเลือดให้นะครับ”
สิบตรียังส์ร้องบอกจากนั้นจึงดึงชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นออกมาห้ามเลือด ท่ามกลางวิถีกระสุนที่ปลิวว่อนไปมาเหนือศีรษะของทุกคนที่อยู่บนดาดฟ้า
“ผู้พันครับ”
ยังส์ตะโกนบอกธงอินทร์
“มาช่วยผมแบกหัวหน้าลงไปข้างล่างหน่อยครับ”
“โอเค”
ธงอินทร์ร้องตอบแล้วเข้าไปช่วยนาวิกฯ ที่มาจากสถานทูตนำร่างของอดีตซีลลงไปยังห้องพยาบาลชั่วคราวก่อนจะย้อนกลับขึ้นไปหมอบอยู่ข้างคมจักร ขณะที่ยังส์จัดการบรรจุกระสุนเข้าไปในกล่องกระสุนปืนกลเบาเอ็ม-249 แล้วแบกลังกระสุนวิ่งกลับขึ้นไปบนดาดฟ้าอีกครั้ง เพื่อทำหน้าที่แจกจ่ายแม็กกาซีนที่บรรจุกระสุนแล้วให้กับเจ้าหน้าที่ทั้งหมดทำการยิงต่อต้านศัตรู
ขณะที่ทุกคนกำลังชุลมุนกับการยิงตอบโต้ข้าศึกอยู่บนดาดฟ้านั้นเอง พนักงานพลเรือนซึ่งไม่ใช่นักรบแต่ทำหน้าที่ล่ามได้เข้าไปช่วยเหลือในการต่อสู้ด้วยการบรรจุกระสุนเข้าไปในแมกกาซีนเพื่อส่งให้กับคนที่กำลังใช้อาวุธ
จังหวะเดียวกับที่ล่ามภาษาอาหรับของชุดปฏิบัติการกำลังช่วยกันแบกลังใส่กระสุนขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อช่วยแจกจ่ายแมกกาซีนนักรบมะดีห์ก็ยิงกระหน่ำเข้ามาอีกครั้ง
ปังๆๆๆๆ! ปังๆๆๆๆ!
วินาทีนั้นเองที่ล่ามภาษาถูกยิงเข้าที่กรามจนเลือดพุ่งกระฉูดเต็มพื้นก่อนที่เขาจะล้มลงราวกับต้นไม้ถูกโค่น
“ล่าม!”
สิบตรียังส์ร้องอุทานเสียงหลงแล้วรีบเข้าไปช่วยโดยใช้นิ้วกดเข้าไปในรูกระสุนเพื่อห้ามเลือดจากนั้น ก็ใช้มืออีกข้างจับเสื้อกั๊กของล่ามภาษาเพื่อลากลงไปที่ชั้นล่าง
แต่ไม่ทันไรกระสุนอีกนัดหนึ่งก็พุ่งเข้าที่ไหล่ซ้ายของนาวิกฯ จากสถานทูตจนล้มลง แต่นั่นก็ยังไม่เลวร้ายเท่ากับกระสุนอีกนัดที่ยิงมาโดนขอบปูนแล้วแตกสะเก็ดพุ่งปักที่ขอบตาซ้ายของเขาอย่างเหมาะเหม็ง
แต่ด้วยความทรหดใจเพชรเหลือเชื่อ สิบตรียังส์กัดฟันลุกขึ้นยืนอีกครั้งพร้อมกับลากตัวล่ามชาวอาหรับที่โดนยิงกรามเข้าไปหลบที่หลังท่อแอร์ ก่อนที่ตนเองจะล้มลง
“คมจักร… เรามีคนเจ็บอีกสอง!”
ธงอินทร์ตะโกนแข่งกับเสียงปืน
“นายอำนวยการรบแทนพวกอเมริกันด้วย ฉันจะปฐมพยาบาลพวกเขา”
“ได้เลยเพื่อน”
คมจักรตอบรับก่อนจะผงกหัวขึ้นแล้วร้องตะโกนแข่งกับเสียงปืน
“ยิงสู้มัน! ฮ. กำลังจะมาช่วยเราแล้ว!”
ราวกับว่าประโยคนั้นเป็นประกาศิตของพระเจ้า เพราะในอึดใจนั้นเอง เสียงกระหึ่มของโรเตอร์ก็แว่วมาจากท้องฟ้าด้านทิศตะวันออกพร้อมกับการปรากฏตัวของอากาศยาน 3 เครื่อง หลังจากที่พอล เบรเมอร์ ส่งวิทยุร้องขอความช่วยเหลือจากบริษัท แบล็ค วอเทอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่รับงานภารกิจของกองทัพแทนทหารอาชีพ
“บ้าระยำ! ฮ. มาช่วยพวกมัน!”
มุสตาฟาร์สบถออกมาอย่างลืมตัวก่อนจะตะโกนบอกนักรบของตน
“ทุกคนถอย… ถอนตัวเดี๋ยวนี้ !”
——————————————-
เรื่อง สรุปสถานการณ์ ณ สำนักงานบริหารกิจการอิรัก
เรียน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงประจำวอชิงตัน
สำนักงานบริหารกิจการอิรักเมืองนาญัฟขอสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2019 ดังนี้
- กองกำลังติดอาวุธชีอะห์ประมาณ 120 นาย ได้เข้าปิดล้อมโจมตีสำนักงานบริหารฯ ตั้งแต่เวลา 10.30-11.30 น. ทำให้มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย บาดเจ็บเล็กน้อย 2 นาย
- ผู้แทนจากกระทรวงกลาโหมของไทย 2 นาย ซึ่งมาเจรจาเรื่องการจัดส่งกำลังพลปลดประจำการมาปฏิบัติงานภาคพลเรือนได้เข้าร่วมทำการต่อสู้และอำนวยการรบเมื่อหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย (เบนจามีน พีท) ได้รับบาดเจ็บสาหัสก่อนที่ข้าศึกจะล่าถอยไปเมื่อ ฮ. ของแบล็ค วอเทอร์ บินมาถึง
- เห็นควรให้สนับสนุนกำลังพลปลดประจำการจากประเทศไทยเข้าปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ในอิรัก
จึงแจ้งมาเพื่อทราบและดำเนินการต่อไป
พอล เบรเมอร์
***********************************
อ่านทุกตอนคลิ๊กที่รูป