◊ วันดวล ◊
………..
“โครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียบเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC เป็นเมกะโปรเจ็คต์ที่รัฐบาลคาดหวังว่าจะเป็นหัวใจสำคัญของการฟื้นฟูสภาวะการเงินของประเทศไปสู่ความมั่งคั่งยั่งยืน โดยอาศัยกลไกจากการลงทุนจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งที่เป็นนักลงทุนต่างชาติและบริษัทคนไทยซึ่งดำเนินธุรกิจหลากหลาย
“ไม่ว่าจะเป็นภาคการท่องเที่ยว สนามบิน ท่าเรือ รถไฟความเร็วสูง รวมทั้งอุตสาหกรรมการผลิตในพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งอาศัยความเจริญก้าวหน้าของ EEC เป็นส่วนสนับสนุนทั้งในการนำเข้าและส่งออกสินค้า…”
“ปัจจุบันโครงการพัฒนา EEC คืบหน้าไปตามแผนที่วางไว้ โดยมีการรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกสองสัปดาห์ และหากจะถามถึงตัวชี้วัดความก้าวหน้าของโครงการ เราอาจใช้จำนวนตึกสูงที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นจำนวนมากตลอดเส้นทางของ EEC เป็นคำตอบ…”
แม้เสียงของผู้บรรยายที่อยู่บนรถบัสจะยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พาหนะขนาด 40 ที่นั่งของกองทัพเรือพร้อมด้วยคณะเยี่ยมชมซึ่งเป็นนักศึกษาจากสถาบันพัฒนาไทยเคลื่อนตัวไปด้วยความเร็วพอประมาณ แต่คมจักรและธงอินทร์ซึ่งอยู่บนที่นั่งหลังสุดกลับไม่ได้จดจ่อกับสิ่งที่ได้ยินแต่อย่างใด
เพราะสายตาของทั้งสองกำลังสำรวจสิ่งที่อยู่สองข้างทางอย่างตั้งอกตั้งใจ เพื่อวิเคราะห์และประเมินความเป็นไปได้ของจุดที่น่าจะเป็นอันตรายที่สุดสำหรับ “วีไอพี” ซึ่งตกเป็นเป้าหมายของการลอบสังหารตามข่าวกรองที่ได้รับ
“พอได้ไอเดียหรือเปล่าเพื่อน”
“เกี่ยวกับตำแหน่งเหมาะสมในการเลือกเป็นจุดซุ่มยิงของสไนเปอร์อย่างนั้นใช่มั้ย”
ธงอินทร์ย้อนถาม
“ก็งั้นน่ะสิ”
คมจักรพยักหน้า
“ฉันเห็นนายกวาดตายังกะอินทรีหาเหยื่อก็เลยอยากรู้ว่ามองเห็นอะไรบ้างหรือยัง”
“ตึกสูงที่ยังสร้างไม่เสร็จเหมาะในการใช้เป็นที่วางตัวของนักแม่นปืนเพราะแฝงตัวเข้าไปได้ง่ายและสามารถอาศัยเสียงจากเครื่องมือกลขณะทำงานกลบเสียงปืน ทำให้ยากที่จะตรวจสอบที่มาของการยิง”
“นายพูดถูก”
คมจักรพยักหน้าอีกครั้ง
“แต่อย่าบอกนะว่าสิ่งที่เราควรทำคือการปิดกั้นอาคารทุกหลังที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง”
“หน่วยเหนือไม่ให้ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะมีคำสั่งชัดเจนว่าในการตรวจเยี่ยมพื้นที่ของผู้บัญชาการทหารเรือทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามปกติ ไม่มีการปฏิบัติใดๆ ที่บ่งบอกให้รู้ว่ามีความพยายามในการลอบสังหาร โดยใช้พื้นที่ EEC เป็นจุดเกิดเหตุ”
“ตั้งแต่รับราชการมา ฉันไม่เคยได้ยินเลยว่ามี ผบ.ทร. คนไหนตกเป็นเป้าของการปองร้ายมาก่อน”
คมจักรถอนหายใจเบาๆ
“มิน่าตอนที่แถลงนโยบายในวันเข้ารับตำแหน่ง ท่านถึงประกาศว่า 150 ปี มี ผบ. แบบนี้คนเดียว”
“โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว ในปัจจุบันสมัยอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้”
“เรื่องนั้นฉันรู้ แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือทำไมการจัดการกับนักฆ่าที่ต้องการเด็ดหัว ผบ.ทร. ถึงต้องไปลากสไนเปอร์แก่ๆ ที่เกษียณไปแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
ธงอินทร์ยิ้มเล็กน้อย
“ทั้งๆ ที่มีนักแม่นปืนเจ้าของเหรียญทองกีฬากองทัพไทยอย่างนาวาโทคมจักรอยู่แล้วอย่างนั้นใช่มั้ย”
“ก็งั้นน่ะซิ”
คมจักรพยักหน้า
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่า ทำไมหน่วยเหนือถึงเชื่อมือตาลุงแก่ๆ อย่างพันจ่าเอกเดชฤทธิ์มากถึงเพียงนี้”
“แกไม่ใช่ตาลุงแก่ๆ อย่างที่นายพูด เพราะพันจ่าเอกเดชฤทธิ์คือตำนานสไนเปอร์ของราชนาวีที่ไม่มีใครเทียบได้”
ธงอินทร์พูดอย่างเป็นงานเป็นการ
“แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือคนร้ายที่ต้องการสังหาร ผบ.ทร. ที่ข่าวกรองระบุคืออดีตนาวิกแม่นปืนที่เป็นลูกศิษย์ที่เก่งที่สุดของพันจ่าเอกเดชฤทธิ์”
“ครูก็เลยจะมาจัดการกับลูกศิษย์หนีทัพผู้ทรยศต่อวิชาชีพอย่างนั้นใช่มั้ย”
“เรือโทภูผาเป็นสไนเปอร์ที่ครูเดชฤทธิ์ปั้นมากับมือตั้งแต่เป็นพลทหารแล้วสมัครเข้ารับราชการต่อหลังปลดประจำการ”
ธงอินทร์อธิบาย
“ตลอดระยะเวลา 18 ปีที่สังกัดหน่วยรบพิเศษ ภูผาทำหน้าที่พลซุ่มยิงมาโดยตลอด เขามีผลงานโดดเด่นในหลายภารกิจ โดยเฉพาะการเข้าไปฝังตัวตามแนวชายแดนเพื่อดักสังหารเป้าหมายที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงรวมทั้งกลุ่มขนส่งยาเสพติด”
“ทำไมฉันไม่รู้เรื่องพวกนี้มาก่อนเลยล่ะ”
“เพราะว่าข้อมูลของภูผาอยู่ในแฟ้มลับที่ฉันได้รับมาเมื่อวันที่นายลากลับบ้าน นายก็เลยยังไม่เห็น”
“ก็แม่เรียกนี่หว่า คนไทยอย่างพวกเราต่อให้อายุมากแค่ไหน แม่ก็เห็นเราเป็นไอ้หนูอยู่วันยังค่ำ”
คมจักรพูดเหมือนแก้ตัว
“ฉันทำงานให้กองทัพเรือมาครึ่งค่อนชีวิต นานๆ ลากลับไปหาแม่สักที คงไม่ทำให้ภารกิจล้มเหลวหรอกเพื่อน”
ธงอินทร์หัวเราะนิดหนึ่ง
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่น่า เห็นนายบอกว่าไม่เคยรู้เรื่องฉันก็ชี้แจงให้ฟังเท่านั้นเอง”
“แล้วแผนการที่จะสู้กับสไนเปอร์ภูผาล่ะ นายเคลียร์กับครูเดชฤทธิ์หรือยัง”
———————————
เซฟเฮ้าส์ในพื้นที่ EEC เย็นวันเดียวกัน
“ผมไม่แปลกใจเลยที่ครูมาตรงเวลานัด แต่กำลังสงสัยว่าครูแบกอะไรมาด้วยครับ”
ธงอินทร์ถามเมื่อชายชราร่างล่ำสันแข็งแรงผมสั้นเกรียนคงเอกลักษณ์ของทหารนาวิกโยธินหย่อนกายลงบนโซฟาด้านตรงข้าม
“ไอ้นี่น่ะหรือครับ…”
อดีต นย. นักแม่นปืนพูดเสียงเรียบ ก่อนจะใช้มือขวาตบลงบนซองยาวข้างตัว
“มันคือไรเฟิลแบบเรมิงตันติดลำกล้องพิเศษ เพื่อนตายของผมที่รับใช้ราชนาวีมาด้วยกันจนกระทั่งผมเกษียณราชการเมื่อ 12 ปีที่แล้ว”
สิ่งที่ได้ยินทำให้ธงอินทร์กับคมจักรหันไปสบตากัน
“ครูจะใช้ปืนรุ่นเก่ากระบอกนี้ในภารกิจสู้กับคนร้ายที่ต้องการลอบสังหาร ผบ.ทร. อย่างนั้นหรือครับ”
คมจักรย้อนถามก่อนที่ผู้อาวุโสกว่าจะตอบกลับมาชนิดไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
“ใช่ครับ… เรมิงตันที่ยิงได้ทีละนัดของผมนี่แหละที่จะดวลกับสไนเปอร์สมัยใหม่ของเจ้าภูผาลูกศิษย์ของผมที่ยิงได้ต่อเนื่อง”
“ครูกำลังบอกว่าจะเอาประสบการณ์และอาวุธแบบเก่าไปสู้กับเทคโนโลยีสมัยใหม่”
“ก็ใช่อีกนั่นแหละครับ”
อดีตนาวิกฯ วัยชราพยักหน้า
“ถึงแม้สไนเปอร์สมัยใหม่จะยิงได้ทั้งทีละนัดและต่อเนื่องแบบกึ่งอัตโนมัติ แต่นักแม่นปืนที่แท้หากรับงานล่าสังหารเหยื่อจะต้องเก็บเป้าหมายให้ได้ด้วยการยิงเพียงครั้งเดียวเข้าจุดตายเท่านั้น”
“ไม่ใช่ยิงครั้งละหลายนัดเหมือนคู่ต่อสู้ของเราใช่มั้ยครับ”
“ถูกต้องครับ… ผู้พัน”
อดีตพันจ่าเอกเดชฤทธิ์เปลี่ยนสายตาไปยังธงอินทร์
“และนี่คือเหตุผลที่นักแม่นปืนแก่ๆ อย่างผมจะเอาชนะเจ้านั่นซึ่งเป็นลูกศิษย์อันดับหนึ่งของผมได้ไม่ยาก เพียงแต่เราต้องช่วยกันเท่านั้น”
“ครูจะให้ผมทำยังไงบอกมาเลยครับ”
น้ำเสียงของธงอินทร์เป็นงานเป็นการ
“มะรืนนี้จะถึงกำหนดตรวจเยี่ยมพื้นที่ของ ผบ.ทร. ศัตรูของเราต้องฉวยโอกาสนี้เล่นงานเป้าหมายแน่”
“ถ้าครูเป็นนักฆ่าคนนั้นจะซุ่มยิง ผบ.ทร. ตรงจุดไหนครับ”
คมจักรถามขึ้นบ้าง
“ตรงไหนก็ได้ระหว่างเส้นทางที่รถจะแล่นไปยังจุดสุดท้ายที่รถจอด”
อดีตนักแม่นปืนวัยชราตอบทันที
“เราจะชนะมันได้ถ้ารู้ตำแหน่งที่คนยิงซ่อนตัวอยู่ จากนั้นผมจะสวนกลับไปด้วยปืนเรมิงตันกระบอกนี้”
“ถ้างั้นเชิญครูมาดูแผนที่กับผม”
ธงอินทร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการ คงทำให้คุณลุงชี้ได้ว่าอาคารสูงหลังไหนเหมาะที่นักแม่นปืนจะวางตัวมากที่สุด”
“ได้เลยครับ”
ทหารแก่ๆ เลือดข้นพยักหน้า
“ถึงโลกจะเปลี่ยนไปแต่หลักนิยมไม่มีวันเปลี่ยนไปหรอก จุดที่ผมเลือกคงเป็นจุดเดียวกับที่เจ้านั่นเลือก”
“แผนของเราก็คือ ผบ.ทร. จะเดินทางด้วยรถประจำตำแหน่งไปตามถนนสายนี้ โดยมีผมอยู่ในที่นั่งด้านหน้าคู่กับเรือโทฤทธีซึ่งเป็นคนขับ และในวันนั้น ผบ.ทร. จะไปแบบส่วนตัวไม่มีรถนำขบวน”
ธงอินทร์พูดพลางชี้ไปบนแผนที่ซึ่งหยิบขึ้นมากางบนโต๊ะ
“ความเร็วของรถที่ใช้ไม่มากซึ่งจะเป็นการง่ายของนักแม่นปืนที่จะส่งกระสุนมา ซึ่งผมหวังว่าการยิงของมันจะเป็นการเปิดเผยตำแหน่งให้ครูตอบโต้มันได้ไม่ยากเช่นกัน”
“แปลว่าผมต้องตามหลังผู้พันไปติดๆ ชนิดไม่คลาดสายตา”
“ถูกต้องครับ”
ธงอินทร์พยักหน้า
“คมจักรจะเป็นโชเฟอร์ให้ครูบนรถโฟว์วีลที่แล่นตามหลังตลอดเส้นทางในทันทีที่เราถูกโจมตีคมจักรจะหยุดรถให้นักแม่นปืนฝ่ายเราค้นหาศัตรูและนั่นคือหน้าที่ของครูในการปิดภารกิจนี้”
“เยี่ยมมาก… ถ้าเป็นแบบนี้ก็ค่อยเบาใจได้หน่อย”
“ว่าแต่ครูแข็งแรงพอที่จะยิงปืนได้แน่นะครับ”
คมจักรถามด้วยความเป็นห่วง ขณะที่จ้องมองสภาพร่างกายของอีกฝ่าย
“ไม่ต้องห่วงครับ ถึงอายุผมจะย่างเข้า 70 แต่สายตากับมือของผมยังใช้งานได้ดี”
อีกฝ่ายเหยียดยิ้ม
“และผมถือเป็นเกียรติยศอย่างยิ่งที่กองทัพเรือไว้วางใจเรียกตัวผมมาคุ้มครอง ผบ.ทร. ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของพวกเรา!”
———————————
เป็นเรื่องปกติที่ผู้นำองค์กรไม่ว่าจะเป็นพลเรือนหรือทหารย่อมจะต้องมีนโยบายหรือแนวทางบริหารจัดการในแบบที่ตนเองยึดมั่น มีการใช้อำนาจให้คุณและโทษแก่ลูกน้อง ซึ่งส่งผลให้มีทั้งผู้ที่นิยมชมชอบและผู้ที่ไม่พอใจตามวิสัยของมนุษย์ปุถุชน
มันอาจจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ความไม่พอใจนั่นปะทุขึ้นอย่างรุนแรงจนนำไปสู่การมุ่งร้ายถึงขั้นต้องการเอาชีวิตคนระดับผู้บัญชาการทหารเรือ
แต่แน่ใจหรือว่านี่คือสาเหตุที่แท้จริงของความพยายามในการลอบสังหารครั้งนี้?
“เราพร้อมแล้วครับครู”
คิดคำนึงของยอดนักแม่นปืนวัยชรากระจายหายไปเมื่อได้ยินประโยคนั้น
“อีกสามนาทีผู้บัญชาการจะขึ้นรถและออกเดินทางไปยังที่หมาย”
“ผมก็พร้อมเหมือนกันผู้พัน”
อดีตพันจ่าเอกเดชฤทธิ์หันไปบอกกับคมจักร
“ขอให้คนร้ายลั่นไกเพื่อแสดงตัวเถอะ ผมรับรองว่าสามารถจัดการกับมันได้แน่”
ไม่กี่อึดใจต่อมา บุรุษต่างวัยทั้งสองก็ขึ้นไปอยู่บนพาหนะแบบโฟว์วีลโดยมีคมจักรทำหน้าที่โชเฟอร์ ก่อนที่นายทหารหนุ่มจะติดต่อกับธงอินทร์และฤทธีซึ่งอยู่ในรถประจำตำแหน่งของผู้บัญชาการทหารเรือ
“ฤทธี… ฉันกับครูเดชฤทธิ์อยู่บนรถแล้ว”
“ทราบครับพี่”
มีเสียงของฤทธีตอบกลับมาทางเอียร์โบน
“ผบ.ทร. ลงมาจากบันไดแล้วครับ กำลังเดินตามพี่ธงอินทร์มาที่รถ”
ด้วยการสื่อสารแบบ “เปิดเผย” ไม่มีการเข้ารหัสทำให้การติดต่อระหว่างทีมคุ้มกันถูกดักฟังโดยง่าย และนั่นจึงทำให้เรือโทภูผาสไนเปอร์ผู้ต้องการลอบสังหารผู้นำกองทัพเรือรู้ความเคลื่อนไหวของเป้าหมายในแบบ “เรียลไทม์”
“150 ปีมีครั้งเดียวงั้นหรือ ผบ. ที่คิดว่าตัวเองทำได้ทุกอย่าง”
ลูกประดู่ผู้ไต่เต้าจากพลทหารคำรามกับตัวเอง
“เดี๋ยวกูจะแสดงให้เห็นว่าคนที่ชิงชังความชั่วร้ายอย่างกูแม้จะมีคนเดียว แต่ก็สามารถทำให้กองทัพเรือกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้!”
แม้จะไม่ได้ยินเสียงของฝ่ายตรงข้าม แต่ฤทธีซึ่งทำหน้าที่คนขับอยู่ข้างธงอินทร์ก็รู้ดีว่ามัจจุราชกำลังจ้องเขม็งมาจาก”คิลลิ่ง โซน”เบื้องหน้า ขณะที่พาหนะประจำตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือเคลื่อนตัวไปด้วยความเร็วพอประมาณ
ประสาททุกส่วนของฤทธีจึงตึงเครียดเขม็งเกลียวเตรียมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในทุกวินาที
“พี่ครับ… ทำไมเงียบไป”
ฤทธีถาม
“ฉันกำลังใช้สมาธิกับสัญชาตญาณ”
“เจออะไรมั้ยครับ”
“ยังไม่เจอ”
ธงอินทร์สูดลมหายใจแรงๆ
“แต่ฉันบอกได้ว่าคนร้ายกำลังจ้องเราอยู่!”
ราวกับว่ายอดพยัคฆ์ธงอินทร์มีนัยน์ตาวิเศษ เพราะห่างออกไปบนดาดฟ้าตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จ สไนเปอร์ภูผาในชุดดำสวมหมวกไหมพรมคลุมหน้ากำลังกระชับปืนเข้าร่องไหล่ สายตามองผ่านกล้องเล็งรอวินาทีสุดท้ายที่เป้าหมายจะเข้าสู่กากะบาทสังหาร
“ตรงเวลาดีมากท่าน ผบ.”
สไนเปอร์เพชฌฆาตกับตนเอง
“เตรียมไปเป็น ผบ.ทร. ในนรกเถอะ!”
ทันทีที่กากบาทของกล้องเล็งที่อยู่บนไรเฟิลซุ่มยิงทาบทับไปยังศีรษะของเป้าหมายซึ่งอยู่บนเบาะที่นั่งตอนหลังรถ
เพชฌฆาตระยะไกลก็เหนี่ยวไกปล่อยกระสุนออกไปทันที
ปั่บ!
เสียงปืนจากสไนเปอร์ติดท่อเก็บเสียงไม่ดังจนเกินไปในวินาทีที่กระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกแหวกอากาศด้วยความเร็ว 3,000 ฟุตต่อวินาที ในลักษณะหมุนเป็นเกลียวก่อนจะทะลุผ่านกระจกหน้าต่างซีดานคันงาม จับเบาะเข้าที่ขมับของเหยื่อสังหารอย่างแม่นยำ
อานุภาพของการยิงทำให้เป้าไร้ชีวิตที่มีเข็มขัดนิรภัยคาดทับสะท้านเยือกหน้าสะบัดและนั่นจึงทำให้นักแม่นปืนรับจ้างรู้ในบัดนั้นว่ามันตกหลุมพรางของคู่ต่อสู้แล้ว
“หุ่นหรือนี่!”
เพชฌฆาตภูผาหลุดปากอย่างลืมตัว
“เป็นไปได้ยังไงกันในเมื่อ ผบ.ทร. ขึ้นรถมาด้วย”
ถึงตอนนั้นนักฆ่าระยะไกลก็รู้แล้วว่าตนเองจะต้องทำอย่างไรต่อไป สไนเปอร์ซึ่งเป็นอาวุธสังหารจึงถูกเบนปากกระบอกเข้าหายางล้อหน้า ก่อนที่คนยิงจะเหนี่ยวไกปล่อยกระสุนออกไปติดต่อกัน 3 นัดซ้อน
ปั่บ! ปั่บ! ปั่บ!
มฤตยูร้อนจี๋แหวกอากาศเข้าปะทะเป้าหมายอย่างแม่นยำ ยังผลให้ยางล้อหน้าขวา ระเบิดบึ้ม เกือบจะพร้อมๆ กับที่เรือโทฤทธีผู้เป็นคนขับกระชากพวงมาลัยเต็มแรง เพื่อหักหัวออกจากถนน จนหน้าหม้อรถพุ่งเข้าปะทะตู้ไปรษณีย์ตูมสนั่น
“มันโจมตีเราแล้ว!”
ธงอินทร์ร้องตะโกนสุดเสียง
“รีบลงจากเร็วเข้า!”
ไม่ต้องรอให้ธงอินทร์ตะโกนซ้ำสอง ยอดพยัคฆ์รุ่นน้องรีบเปิดประตูพุ่งร่างออกจากตำแหน่งอย่างว่องไว เช่นเดียวกับธงอินทร์ซึ่งเปิดประตูด้านซ้าย แล้วกลิ้งตัวลงสู่ฟุตปาธอาศัยตัวถังรถเป็นที่กำบังท่ามกลางความตื่นกระหนกของผู้คนที่เห็นเหตุการณ์
“อยู่นิ่งๆ อย่าออกจากตรงนี้ ถ้าโผล่ไปกลางที่โล่ง มีหวังตายแน่!”
“แล้วเราจะปล่อยให้มันเล่นงานเข้างเดียวต่อไปแบบนี้หรือไงครับ”
“เปล่า”
ธงอินทร์ขบกรามแน่น
“แต่ฉันกำลังรอให้ตัวช่วยเข้าสู่สนามการดวล เพื่อจัดการศัตรูของเรา”
เกือบจะพร้อมๆ กับที่ประโยคนั้นจบลง โฟว์วิลของคมจักรก็เบรคเอี๊ยดทางด้านหลังของซีดานก่อนที่อดีตนักแม่นปืนวัยชรา ซึ่งรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น จะเปิดประตูรถกระโจนลงมาพร้อมด้วยถุงบรรจุเรมิงตันคู่ใจแล้ว สับฝีเท้าเข้าหาอาคารสูงข้างฟุตปาธด้านซ้าย โดยไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปแม้แต่วินาทีเดียว
“คมจักร… หลบอยู่หลังรถ อย่าวิ่งออกมา!”
ธงอินทร์ตะโกนบอกฝ่ายเดียวเสียงลั่น
“เรายังไม่รู้ว่าตำแหน่งที่แน่นอนของนักแม่นปืนอยู่จุดไหน ตอนนี้มันมองเห็นเราฝ่ายเดียว”
“โอเค เพื่อน”
คมจักรตะโกนตอบก่อนจะชักปืนสั้นออกมากระชับไว้บนมือด้วยสัญชาตญาณขณะที่ไกลออกไป สไนเปอร์นักฆ่าเล็งปืนเข้าหาเป้าหมายที่อยู่บนทางเท้าอีกครั้ง
“คิดจะหลบอยู่หลังรถงั้นหรือ”
มันคำราม
“ฉันไม่ปล่อยให้แกได้ทำอย่างที่คิดหรอก”
ขาดคำ พลซุ่มยิงอันดับหนึ่งก็เหนี่ยวไกปล่อยกระสุนออกมาอีกชุด
ปั่บ! ปั่บ! ปั่บ!
สะเก็ดไฟแตกกระจายออกมาจากตัวถังรถในตำแหน่งที่ลูกตะกั่วพุ่งเข้ากระทบโดยไม่พลาด
“หมอบไว้ให้ติดกับพื้น… อย่าโงหัวขึ้นมาเป็นอันขาด”
ธงอินทร์ร้องบอกเสียงหลงก่อนจะส่งข่าวไปยังนักแม่นปืนฝ่ายเดียวกัน
“ครูขึ้นไปถึงไหนแล้ว… ได้ตำแหน่งวางปืนหรือยังครับ”
“กำลังขึ้นไปบนดาดฟ้า… ขอเวลาอีกนิดผู้พัน”
เสียงชายชราตามมาทางเอียร์โบน
“ผมตั้งปืนได้เมื่อไหร่จะกวาดหาตำแหน่งของมันทันที”
แม้จะได้ยินฝ่ายเดียวกันตอบมาเช่นนั้นแต่นายตำรวจหนุ่มก็รู้ดีว่า ตำแหน่งที่หลบซ่อนกำลังอยู่ไม่ปลอดภัย และไม่อาจรอได้อีกต่อไป
“คมจักร… ระเบิดควัน!”
ธงอินทร์ร้องตะโกนบอกเพื่อนร่วมตายเสียงลั่น
“เราจะถอนตัวออกจากตำแหน่งนี้”
“ได้เลยเพื่อน”
คมจักรตะโกนตอบก่อนจะเปิดประตูรถเอื้อมมือไปหยิบยุทธภัณฑ์ที่เตรียมมาด้วย
“ฉันจะนับถึงสามแล้วขว้างสโม้คไปข้างรถ… เตรียมตัวนะ”
“โอเค!”
“หนึ่ง… สอง…. สาม!”
ขาดคำคมจักรก็กระชากสลักนิรภัยแล้วขว้างระเบิดควันไปบนถนนด้านข้างรถซีดานทันที
บึ้ม!
เสียงระเบิดทึบดังขึ้นพร้อมๆ กับกลุ่มควันหนาทึบพวยพุ่งแผ่กระจายออกมาจากตำแหน่งระเบิดหล่น
ทันทีที่มองเห็นเหตุการณ์จากตำแหน่งซุ่มยิงนักแม่นปืนอันดับหนึ่งก็รู้ได้ในทันทีว่าศัตรูของมันคิดจะทำอะไร
“จะหนีออกจากที่กำลังงั้นหรือ… อย่าหวังเลย”
ขาดคำมันก็เหนียวไกปล่อยกระสุนออกไปอย่างต่อเนื่อง
ปั่บ! ปั่บ! ปั่บ!
แม้จะมีกลุ่มควันกางกั้น แต่มฤตยูทุกนัดที่แหวกอากาศออกมาก็พุ่งเข้ากระทบเป้าหมายโดยไม่พลาดจนธงอินทร์กับฤทธีได้ยินเสียงเหมือนก้อนอิฐขว้างใส่ตัวถังรถอย่างถนัด
“คลานตามฉันมา… เร็วเข้า!”
ธงอินทร์ร้องบอกนายทหารรุ่นน้องเกือบจะในวินาทีเดียวกันที่สไนเปอร์เพฌชฆาตยิงกระหน่ำเข้ามาอีกครั้ง
ปั่บ! ปั่บ! ปั่บ!
แต่ทุกนัดที่ปล่อยออกมาไม่สามารถเด็ดชีพเป้าหมายได้ตามต้องการ มิหนำซ้ำในจังหวะนั้น นักแม่นปืนวัยชราซึ่งตั้งปืนได้แล้วก็มองเห็นแสงสะท้อนจากกระจกกล้องเล็งที่ติดอยู่ด้านบนอาวุธของฝ่ายตรงข้าม
“เจ้าศิษย์ชั่ว… แกอยู่ที่นั่นเองหรือ”
พันจ่าเอกผู้เป็นครูซุ่มยิงแนบใบหน้าติดกับกล้องเล็งรุ่นโบราณ
“ฉันเคยสอนไว้จำไม่ได้หรือว่านักแม่นปืนที่แท้จะต้องเก็บเป้าหมายให้ได้ด้วยการยิงนัดเดียวไม่ใช่ยิงเป็นสิบนัดอย่างที่แกทำ!”
ทันทีที่กากบาทของเพชฌฆาตวัยชราทาบตรงกับทรวงอกของสไนเปอร์ภูผาซึ่งกำลังอยู่ในท่านั่งยิง
ปรมาจารย์ซุ่มยิงก็กลั้นลมหายใจนั่งแล้วค่อยๆ เพิ่มน้ำหนักลงบนนิ้วที่อยู่บนไกปืนอย่างช้าๆ จนกระทั่งกลายเป็นการเหนี่ยวไกอย่างนิ่มนวล
เปรี้ยง!
วินเชสเตอร์คำรามลั่นให้วินาทีที่ประกายไฟแลบวาบจากปลายลำกล้องพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างแม่นยำ
แต่แล้วอดีตนาวิกฯ วัยชราก็ต้องเบิกตากว้างอย่างอัศจรรย์ใจ เมื่อมองเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเพียงแค่มีอากาศสะดุ้งเล็กน้อยเท่านั้น
“เรายิงไม่พลาดนี่นา…. ทำไมมันไม่เป็นอะไร”
วินาทีเดียวกับที่อดีตเพชฌฆาตกำลังงงงวย ศัตรูที่เป็นลูกศิษย์ซึ่งรู้ตัวแล้วว่าถูกใครบางคนยิงเข้าใส่กวาดปืนเข้าหาเป้าหมายใหม่ทันที
“มาแล้วเหรอครูคนเก่ง ผมคิดว่าครูตายไปแล้วด้วยซ้ำ!”
มันคำรามเมื่อมองเห็น คู่ต่อสู้อยู่บนดาดฟ้าอาคารหลังหนึ่ง
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่สนามดวล แต่นักแม่นปืนตกยุคอย่างครูสู้ผมไม่ได้หรอก”
ขาดคำมันก็เหนี่ยวไกปล่อยกระสุนออกมาเกือบจะพร้อมๆ กับที่ชายชราพลิกตัวออกจากตำแหน่งด้วยสัญชาตญาณ
ปั่บ! ปั่บ! ปั่บ!
ถึงแม้นักฆ่าภูผาจะยิงออกมาถึง 3 นัด แต่กระสุนของมันก็ถูกเป้าเพียงนัดเดียวและทำให้ร่างของอดีตนาวิกฯ สะดุ้งเฮือก ก่อนจะแน่นิ่งไปพร้อมกับเลือดที่ไหลทะลักออกมาเป็นลิ่มจากทรวงอกด้านขวา
“ขอให้วิญญาณของครูไปสู่สุคติเถอะ”
นักฆ่าระยะไกลคำรามอย่างย่ามใจขณะที่ปลดแม็กกาซีนออกจากปืนเพื่อที่จะบรรจุแมกกาซีนอันใหม่
จังหวะนั้นเองที่ปรมาจารย์สไนเปอร์ซึ่งยังไม่ตายกัดฟันพลิกร่างขึ้นเพื่อบรรจุกระสุนแล้วกระชากลูกเลื่อนส่งมฤตยูนัดตัดสินเข้าสู่รังเพลิง
“บ้าชิบ! ครูยังไม่ตายอีกหรือนี่”
ศัตรูต่างวัยอุทานออกมาเมื่อเหลือบเห็นความเป็นไปนั้น
สัญชาตญาณทำให้ภูผารีบกระชับปืนเข้าร่องไหล่แนบหน้าเข้ากับกล้องเล็ง แล้วหันปากกระบอกเข้าหาชายชราอีกครั้ง แต่อากัปกิริยานั้นก็ยังช้าไปกว่าบุรุษสูงวัย ซึ่งเล็งปืนผ่านช่องยิงเล็กๆ ของกระจกใสก้นกระสุนก่อนจะเหนี่ยวไกปล่อยทูตสังหารออกไปชนิดมั่นใจว่าไม่พลาด
เปรี้ยง!
กัมปนาทปืนแผดลั่นเหมือนประทัดแตกในวินาทีที่กระสุนพุ่งออกจากปลายลำกล้องแหวกอากาศไปยังเป้าหมายที่อยู่ไกลออกไปชนิดแทบจะสังเกตเห็นได้ยาก
แต่ด้วยกล้องเล็งของวินเชสเตอร์และฝีมือระดับพระกาฬ กระสุนเพชฌฆาตจากการลั่นไกของนักแม่นปืนชราจึงพุ่งผ่านช่องยิงขนาดเล็กของกระจกกันกระสุนซึ่งนักแม่นปืนต่างวัยใช้เป็นโล่กำบังอย่างเหลือเชื่อแล้วจับเปาะเข้าที่โหนกแก้มของเป้าหมายอย่างเหมาะเหม็ง
อานุภาพของมฤตยูนัดตัดสินชะตายังผลให้คนที่โดนเข้าไปสะดุ้งสุดตัว หน้าสะบัดกระเด็นหลุดจากพานท้ายของสไนเปอร์พร้อมกับเลือดที่สาดกระจายออกมาในบัดดล
นักฆ่าภูผาลึกลับตายสนิทก่อนที่ร่างสันทัดในชุดดำสวมหมวกไหมพรมคลุมหน้าจะพลิกท้องลงไปกระแทกพื้นด้วยซ้ำ
“ถึงแกจะยิงฉันได้ แต่สุดท้ายฉันก็ชนะ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน !”
อดีต นย. เดชฤทธิ์เค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบากเมื่อรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจขณะที่ปล่อยมือออกจากวินเชสเต้อรเมื่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล่นขึ้นสู่สมอง
“จากนี้ไปจะไม่มีใครทำอะไร ผบ.ทร. ได้อีกแล้ว”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่หลุดออกมาจากปากของอดีตครูสไนเปอร์เลือดนาวิกโยธิน ก่อนที่วิญญาณของยอดฝีมือแม่นปืนจะหลุดลอยออกจากร่างด้วยความภาคภูมิใจ เพราะภารกิจที่ได้รับมอบหมายสำเร็จลุล่วงทุกประการ
***********************************
อ่านทุกตอนคลิ๊กที่รูป