◊ แฮ็กเกอร์มหาประลัย (4) ◊
……………….
เป้าหมายที่อยู่เบื้องหน้าอาวุธปล่อย C-802 ดูเหมือนจะมีขนาดใหญ่ขึ้นทุกวินาที ขณะที่ “มังกรไฟ” ซึ่งมีอานุภาพในการทำลายล้างทะยานลิ่วด้วยความเร็วสูงสุดพร้อมกับเริ่มลดระดับลงมาเพื่อการพุ่งชนเป้าหมายซึ่งเป็นเรือผิวน้ำลำมหึมา
“คมจักร… ฉันมองเห็น ซี สเตจดิ้ง แล้ว!”
ธงอินทร์ซึ่งอยู่บนไชนีส แร็ปเตอร์ หมายเลข 2 ร้องบอกมาทางวิทยุ
“นายหยุดจรวดได้มั้ยระหว่างที่ฉันตรวจสอบการเชื่อมสัญญาณจากตำแหน่งนี้”
ยังไม่ทันที่จะตอบเพื่อน คมจักรก็ได้ยินนักบินสาวชาวจีนก็ร้องตะโกนเสียงลั่น
“จรวดชนเป้าแน่! เราไม่มีทางเลือกแล้ว!”
“คุณจะทำอะไร”
คมจักรร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกได้ว่าเครื่องแร็ปเตอร์ตะแคงปีกเอียงตัวก่อนจะปักหัวลงไปราวกับผีพุ่งใต้
“ฉันจะลงไปขวางให้จรวดพุ่งชนเรา!”
คำตอบนั้นทำให้คมจักรเบิกตากว้างแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน และเสียงหวีดแหลมที่แผดสะท้านโสตประสาทเพิ่มขึ้น ในฉับพลันนั้นพร้อมกับภาพเบื้องหน้าที่เปลี่ยนไปในบัดดลอันต่อเนื่อง ก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่ตอกย้ำว่านักบินสาวชาวจีนกำลังทำในสิ่งที่พูดอย่างแน่นอน
“ตายแน่กู!”
นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่คมจักรตะโกนก้องในใจ ขณะที่ประจักษ์แก่สายตาว่าอาวุธปล่อยกำลังพุ่งลิ่วราวกับลูกไฟที่มีควันขาวเป็นทางยาวเข้ามาในทิศ 9 นาฬิกา มองเห็นได้อย่างถนัด
แต่แล้วในเสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่ C-802 จะพุ่งชนแร็ปเตอร์ คมจักรก็ได้ยินนักบินสาวร้องออกมาสุดเสียง
“อีเจค!”
ขาดคำฝาครอบค็อกพิทก็ถูกดีดให้ปลิวหลุดก่อนที่เก้าอี้นักบินทั้งด้านหน้าและด้านหลังจะถูกจุดสันดาปดังสนั่น
ตูม!
ตูม!
เสียงระเบิดทึบราวกับพลุที่ถูกจุด บังเกิดขึ้นในพริบตาอันต่อเนื่องกับหลังฝาครอบ ค็อกพิทที่ปลิวกระเด็นพร้อมๆ กับที่เก้าอี้นักบินทั้งสองตัวพุ่งลิ่วออกจากตำแหน่งราวกับกระสุนปืน ค. ถูกยิงจากลำกล้องก่อนที่เสียงนั้นจะถูกกลบด้วยกัมปนาทกึกก้องในเสี้ยววินาทีที่ตามมาเมื่อ C-802 ทะยานเข้าปะทะกับเครื่องบินขับไล่ในตำแหน่งกลางลำอย่างเหมาะเหม็ง
บึ้ม! บึ้ม!
มันเป็นการชนอากาศยานที่ดิ่งลงมาขวางวิถีเพื่อสกัดกั้นการชนเป้าหมายหลักของการทำลายล้างยังผลให้จักรีนฤเบศรรอดพ้นจากอันตรายอย่างฉิวเฉียด
แต่กระนั้นก็ตาม อานุภาพการระเบิดในระยะใกล้ชนิดห่างออกไปไม่ถึง 50 เมตร ก็ทำให้เรือบรรทุกเฮลิปเตอร์ขนาดใหญ่สะท้านเยือกด้วยคลื่นกระแทกที่แผดแผ่เข้าปะทะอย่างถนัดถนี่ จนคนที่อยู่บนดาดฟ้าล้มระเนระนาดราวกับถูกพายุฟาดเข้าใส่
“เกิดอะไรขึ้น… เราโดนยิงงั้นหรือ”
นายกรัฐมนตรีซึ่งอยู่ในเซฟรูมหลุดปากออกมาในทันทีที่ตั้งหลักได้ หลังจากการเซถลาอันเนื่องจากการเอียงวูบของเรืออย่างฉับพลัน
“ไม่ใช่ครับ เป็นแค่คลื่นกระแทกจากแรงระเบิดในระยะใกล้เท่านั้น”
พลเรือเอกปราการตอบก่อนจะถอนหายใจโล่งอก
“ผมมั่นใจว่าเราสกัดกั้นอาวุธปล่อยได้สำเร็จ ก่อนที่มันจะพุ่งชนเรือเพียงแต่การทำลายเกิดขึ้นในจังหวะสุดท้ายเท่านั้นเอง”
เกือบจะพร้อมๆ กับผู้บัญชาการทหารเรือพูดจบ ทุกคนก็ได้ยินเสียงจากระบบประกาศภายในของเรือซึ่งยืนยันถึงสถานการณ์ล่าสุด
“นครราชสีมา.. จากจักรีนฤเบศร… C-802 ถูกทำลายแล้ว!”
“ย้ำ… C-802 ถูกทำลายแล้ว!”
พร้อมๆ กับประโยคนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือเสียงไชโยโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นยินดีของลูกเรือนับร้อยที่รู้ว่าตนเองรอดพ้นจากหายนะชนิดสดๆ ร้อนๆ ราวกับคนที่ตายแล้วเกิดใหม่
โดยเฉพาะผู้ที่ประจำสถานีอยู่บนดาดฟ้าเปิดและมองเห็นเครื่องบินขับไล่พุ่งเข้าขวางการโคจรของอาวุธปล่อยแบบยอมตายแทบไม่อยากเชื่อสายตาเลยว่าจะมีนักบินคนใดบ้าบิ่นถึงเพียงนี้
“นักบินรอด… มีร่มชูชีพอยู่เหนือทะเล!”
ลูกเรือร้องตะโกนบอกกันเสียงลั่น
“รีบแจ้งผู้การ… เราต้องรีบไปช่วยพวกเขา!”
ทั้งคมจักรและนักบินสาวชาวจีนไม่ได้ยินเสียงตะโกนนั้นเช่นเดียวกับที่ไม่ได้ยินการติดต่อจากธงอินทร์ซึ่งบินไปถึง ซี สเตจดิ้ง อันเป็นที่หมายและยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“คมจักร… ฉันมาถึงอาคารลอยน้ำแล้ว ไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ”
ธงอินทร์รายงานจากสิ่งที่เห็น
“คมจักร จากธงอินทร์… ซี สเตจดิ้ง ยังเป็นปกติไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ย้ำ… ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ”
“ผู้พันครับ… ผมจับสัญญาณที่เชื่อมต่อกับตำแหน่งของอาคารในทะเลได้แล้ว”
นักบินจีนร้องบอกนาวาโทชาวไทย
“มันอยู่ในทางทิศตะวันตกห่างออกไปประมาณ 25 ไมล์ ผู้พันจะให้บินไปดูมั้ยครับ”
ยังไม่ทันที่ธงอินทร์จะตอบ
เสียงจากศูนย์ยุทธการของเรือบนผิวน้ำก็ดังแทรกเข้ามา
“อาวุธปล่อยถูกทำลายพร้อมแร็ปเตอร์ หมายเลข 1 …มีร่มชูชีพตกในทะเล 2 ชุด! ย้ำ… มีร่มชูชีพตกในทะเล 2 ชุด!”
สิ่งที่ได้ยินทำให้ธงอินทร์รู้ได้ในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น และคมจักรกับหลินชินเสียงคงจะดีดตัวออกมาได้ทันจนรอดพ้นจากอันตรายแล้ว
ธงอินทร์จึงร้องบอกนักบินในที่นั่งด้านหน้า
“ตามสัญญาณไป! ผมอยากรู้ว่าปลายทางของมันคืออะไร”
โดยไม่ต้องรอให้นาวาโทชาวไทยร้องบอกซ้ำ แร็ปเตอร์ หมายเลข 2 เอียงปีกตะแคงตัวเปลี่ยนทิศพุ่งทะยานไปยังที่หมายใหม่อย่างรวดเร็ว
ขณะที่แร็ปเตอร์ หมายเลข 2 แหวกฟ้าพร้อมด้วยเสียงแหลมก้องเหนือทะเล ในเวลาเดียวกันนั้นบนเรือหลวงจักรีนฤเบศร ทีมกู้ภัยซึ่งประกอบด้วยนักบิน ฮ. และเจ้าหน้าที่ “พาราจัมเปอร์” ผู้ทำหน้าที่ควบคุมการช่วยเหลือนักบินที่ถูกยิงตกรีบคว้าอุปกรณ์ประจำกายวิ่งไปยังเฮลิคอปเตอร์แบบ “ซี สตอเลน” ที่จอดอยู่ในโรงเก็บใต้ดาดฟ้า ขณะที่มีเสียงระบบประกาศดังให้ได้ยินตลอดลำ
“ประจำสถานีรับส่งอากาศยาน… ฮ. กู้ภัยเตรียมพร้อมปฏิบัติการ! ฮ. กู้ภัยเตรียมพร้อมปฎิบัติการ!”
หลังจากนั้นเพียงอึดใจ กริ่งสัญญาณทำงานของระบบไฮดรอลิกส์แผดลั่นเป็นจังหวะ ขณะที่พื้นดาดฟ้าโรงเก็บ ฮ. เลื่อนตัวขึ้นสู่เบื้องบนอย่างช้าๆ
“นักบินทั้งสองยังมีชีวิตอยู่แน่นอน พวกเขาเริ่มจุดควันสีแสดงตำแหน่งให้เราเห็นแล้วครับ!”
พันจ่าซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทัศนสัญญาณและเป็นผู้ใช้กล้องตรวจการณ์ขนาดใหญ่หรือ “บิ๊กอายส์” ที่ติดอยู่ข้างหอบังคับการร้องบอกต้นเรือ
“เป็นควันสีแดงกับควันสีส้มลอยขึ้นในแบริ่ง 120 จากหัวเรือครับ”
“โอเค เห็นแล้ว!”
ต้นเรือซึ่งใช้กล้องสองตาส่องไปในทิศดังกล่าวร้องตอบ ก่อนจะหันไปกดคีย์ระบบสื่อสาร
“ฮ. กู้ภัยพร้อมบินขึ้นได้หรือยัง”
“ขออีก 90 วิ ครับ!”
นายทหารการบินรายงาน
“ตอนนี้นักบินกับพาราจัมเปอร์เข้าประจำที่เรียบร้อยแล้วครับ!”
ไกลออกไปจากเรือหลวงจักรีนฤเบศรอันเป็นตำแหน่งที่ร่มชูชีพตกลงสู่พื้นน้ำ คมจักรซึ่งอยู่ห่างจากหลินชินเสียงไม่มากนักร้องตะโกนถามนักบินสาวเสียงลั่น
“ผู้กอง… เป็นไงบ้างครับ”
ไม่ร้องถามอย่างเดียว เพราะคมจักรซึ่งปลดร่มชูชีพทิ้งไปแล้วพยายามว่ายน้ำไปหาอีกฝ่ายโดยไม่ชักช้า
“ไม่ต้องกลัวนะครับ ทะเลแถวนี้ฉลามไม่ดุ ไม่เหมือนปลาหมึกที่หนวดยุ่บยั่บแถมยังชอบรุ่มร่ามกับผู้หญิงสวยๆ อีกต่างหาก”
“อ้อ… งั้นหรือคะ”
หลินชินเสียงร้องตอบมา
“แสดงว่าคงเป็นฉลามหัวงูถึงไม่ดุเหมือนฉลามเสือที่ชอบกินเนื้อเวลาได้กลิ่นเลือด”
“เป็นความรู้ใหม่ของผมเลยนะเนี่ย”
คมจักรหัวเราะแก้เก้อขณะที่เข้าไปใกล้นักบินสาวชาวจีน
“ไม่นึกเลยว่านักบินอย่างผู้กองจะเชี่ยวชาญเรื่องสัตว์ทะเลเหมือนกับผม”
“ไม่แปลกนี่คะ เพราะคนที่เป็นทหารเรืออย่างฉันก็ควรจะมีความรู้เกี่ยวกับสัตว์ทะเลติดตัวไว้บ้าง”
หลินชินเสียงพูดหน้าตาย
“ความรู้เรื่องพวกนี้จะทำให้ฉันปลอดภัยของตัวเองโดยเฉพาะเวลาที่ต้องลอยคออยู่กลางมหาสมุทรเหมือนตอนนี้”
“ถึงจะต้องลอยคอเพื่อรอคอย แต่ก็คงจะมานไน่หรือไม่นานหรอกครับ ผมรับประกันได้ว่า ฮ. กู้ภัยกำลังจะมารับเราตามแบบที่เคยฝึกกันมา”
“ดีค่ะ เพราะฉันเริ่มได้กลิ่นฉลามหัวงูแล้ว”
หล่อนเหลียวซ้ายแลขวา
“กลิ่นมันหื่นมากเหมือนไม่เคยอยู่ในทะเลกับผู้หญิงมาก่อน”
“เคยครับ… เอ๊ยไม่ใช่ครับ”
คมจักรยิ้มแหย ๆ ก่อนจะรีบชี้มือเปลี่ยนเรื่อง
“ดูโน่น… ฮ. กำลังบินมาหาเรา อีกประเดี๋ยวผู้กองได้ขึ้นจากน้ำแน่ครับ”
แล้วสิ่งที่ตามมาก็เป็นไปอย่างที่คมจักรพูดไม่มีผิด เพราะไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ซี สตอลเลน ก็มาลอยลำอยู่ในระยะต่ำเหนือตำแหน่งที่ผู้ประสบภัยลอยคออยู่กลางทะเล
จากนั้น “พาราจัมเปอร์” ในชุดเว็ทสูทพร้อมหน้ากากดำน้ำและตีนกบก็ทิ้งตัวหล่นตูมลงมาในน้ำแล้วว่ายเข้าไปหาคมจักรกับนักบินสาวชาวจีน
“ผู้พันปลอดภัยนะครับ”
“ฉันโอเค”
คมจักรตอบพาราจัมเปอร์
“นายรีบเอานักบินฉันขึ้นไปก่อน ไม่ต้องห่วงฉัน”
“ครับ ผู้พัน”
พาราจัมเปอร์ยศพันจ่าเอกตอบรับคำสั่ง แล้วแหงนหน้าขึ้นเพื่อชูมือไปยังผู้ช่วยของตน ซึ่งชะโงกตัวออกมาจากประตูห้องโดยสาร
เมื่ออีกฝ่ายตอบรับสัญญาณกว้านบน ฮ. ก็หย่อนสลิงและที่เกี่ยวช่วยชีวิตลงมาอย่างช้าๆ จนกระทั่งถึงผิวน้ำ
“ผมจะสวมสายรัดตัวให้นะครับ เสร็จแล้วเราจะขึ้นไปพร้อมกัน”
“ได้ค่ะ”
หลินชินเสียงตอบกับพาราจัมเปอร์
“ฉันเคยฝึกการกู้ภัยทางทะเลแบบเวอร์เทรปมาหลายหน คุ้นเคยกับขั้นตอนต่าง ๆ อยู่แล้วละ”
“พร้อมนะครับ”
พาราจัมเปอร์ถามหลังจากเกี่ยวล็อคชุดรัดตัวครบทุกจุด
“พร้อมค่ะ”
“โอเค เราจะขึ้นจากน้ำเดี๋ยวนี้!”
เสี้ยววินาทีสุดท้ายก่อนที่พันจ่าวัยกลางคนจะชูมือเป็นสัญญาณให้กว้านดึงสายสลิงขึ้นไป คมจักรก็โผนเข้ารัดร่างของหลินชินเสียงพร้อมกับร้องบอกพาราจัมเปอร์หน้าตาเฉย
“นายไม่ต้อง… ฉันจะพาเธอขึ้นไปเอง”
ขาดคำ คมจักรก็แหงนหน้าขึ้นชูมือให้สัญญาณ “หะเบส” หรือการดึงไปยังคนคุมกว้าน และนั่นจึงทำให้ระบบชักหย่อนเริ่มทำงานพร้อมๆ กับที่เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมรายงานไปยังนักบิน
“ผู้ประสบภัยพ้นผิวน้ำ… กำลังดึงขึ้นมาพร้อม ๆ กันทั้งสองคน!”
“ว่าไงนะ”
นักบินขมวดคิ้วก่อนจะย้อนถาม
“พาราจัมเปอร์ไปอยู่ไหน ทำไมไม่เอาคนที่ไปช่วยขึ้นมาทีละคนเหมือนทุกครั้ง”
“ไม่ทราบเหมือนกันครบ ตอนนี้พาราฯ กำลังลอยคออยู่ในตำแหน่งที่กระโดดลงไปครั้งแรก”
ถ้ามีหูทิพย์นักบินของ ซี สตอลเลน ก็คงจะได้ยินคำพูดของหลินชินเสียงกับคมจักรซึ่งกำลังจะทำให้บางสิ่งเกิดขึ้น
“คุณทำอะไร”
นักบินสาวร้องถาม
“มาเกี่ยวขารัดเอวฉันทำไม.. ใช่หน้าที่คุณหรือ”
“ใช่สิครับ”
คมจักรยิ้มแป้น
“ในฐานะเจ้าบ้าน ผมจะต้องดูแลความปลอดภัยของนักบินชาติมหามิตรอย่างจีนจนถึงที่สุดครับ”
“แต่คุณไม่ได้เกี่ยวขารัดเอวฉันอย่างเดียว เพราะคุณกำลังแอ่นหน้าท้องใส่สะโพกฉันด้วย”
“มันเป็นทำบังคับให้เกิดความรัดกุมตามแบบฝึก ผมไม่ได้คิดอกุศลกับคุณนะครับ”
“แบบฝึกบ้านคุณน่ะสิ”
อีกฝ่ายทำเสียงขุ่นนัยน์ตาขวาง
“นี่มันท่าฉลามหัวงูชัด ๆ… อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ”
“โธ่.. น้องหมวยทำไมพูดแบบนั้น”
คมจักรยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ย
“ทหารเรือไทยเป็นสุภาพบุรุษทำอะไรให้เกียรติเพศตรงข้ามเสมอ จะขึ้นรถก็คอยเปิดประตูให้”
“รอดูตอนพวกเธอก้าวขากระโปรงเปิดน่ะสิ”
“แล้วกัน ทำไมมองเราในแง่ร้ายนักละครับ”
คมจักรร้องอุทธรณ์
“ดูไปก็เปล่าประโยชน์ครับ เพราะสมัยนี้สาวๆ นุ่งขาสั้นข้างในกันทั้งนั้น ไม่มีใครใส่จีสตริงกันแล้ว”
“บ้า! พูดบ้าๆ!”
ขาดคำ หลินชินเสียงก็กระทุ้งศอกใส่ชายโครงของคมจักรสุดแรงเกิด
ผัวะ!
ทีเดียวเท่านั้น นาวาโทจอมเจ้าชู้ก็มีอันสะดุ้งเฮือก แขนขาที่เกี่ยวรัดร่างของเพศตรงข้ามไว้กางออกโดยอัตโนมัติเมื่อความเจ็บจุกแล่นจี๋ขึ้นสู่สมอง และนั่นจึงทำให้ร่างของคมจักรหลุดออกจากหลินชินเสียงหงายท้องหล่นตูมกลับลงไปยังผืนทะเลจนผิวน้ำแตกกระจาย
“ผู้ประสบภัยตกน้ำ! ย้ำ… ผู้ประสบภัยตกน้ำ!”
นักบินของ ซี สตอลเลน ได้ยินผู้ควบคุมกว้านร้องบอกด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ผมไม่แน่ใจครับว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้พาราจัมเปอร์กำลังว่ายเข้าไปช่วยแล้ว!”
บนท้องฟ้าอีกด้านหนึ่งในเวลาเดียวกับที่ความช่วยเหลือในทะเลกำลังดำเนินไป ไชนีส แร็ปเตอร์ หมายเลข 2 ตามสัญญาณที่ตรวจพบไปจนกระทั่งมองเห็นต้นทางของมันได้ด้วยสายตา
“ผู้พันครับ… ดูข้างล่างนั่น!”
น้ำเสียงของนักบินจีนบ่งบอกความตกใจ
“ถ้าผมตาไม่ฝาด มันคือเรือล่องหนแบบสเตลล์ที่เรดาร์ตรวจไม่ได้”
“คุณพูดถูก”
น้ำเสียงของธงอินทร์เต็มไปด้วยความพิศวงเช่นกัน
“เรือสเตลล์จริง ๆ ด้วย แถมยังเป็นสเตลล์ที่ไม่ปรากฏสัญชาติและไม่มีสัญลักษณ์ใดๆ ทั้งนั้น ถึงแม้จะลำไม่ใหญ่มากแต่มันก็คือเรือล่องหนที่ถือว่าไม่ได้มาดี”
“ผมจะโฉบลงไปเหนือเรือในระดับต่ำนะครับ เผื่อจะถ่ายภาพรายละเอียดได้มากขึ้น”
“โอเค!”
ธงอินทร์ร้องตอบ
นาวาโทชาวไทยไม่ได้เฉลียวใจหรือมีลางสังหรณ์เลยว่าเหตุร้ายบางอย่างกำลังจะอุบัติขึ้นโดยไม่คาดฝัน เพราะหลังจากที่ไชนีส แร็ปเตอร์ โฉบลงไปในเที่ยวแรกเหนือเรือสเตลล์ที่มีระวางขับน้ำประมาณ 300 ตัน ปฏิกิริยาบางอย่างจากคนบนเรือก็บังเกิดขึ้น
นั่นคือช่องทางเข้าออกตัวเรือทางกราบขวาถูกเปิดอ้า ก่อนที่ใครคนหนึ่งจะโผล่ออกมาพร้อมด้วยบางสิ่งที่แบกอยู่บนบ่า
“ผู้พันครับ มีคนโผล่ออกมาจากเก๋งเรือ!”
นักบินจีนร้องบอกธงอินทร์ขณะที่นำเครื่องโฉบเข้าหาเป็นครั้งที่สอง
“ดูเหมือนว่าเขาจะแบกกล้องถ่ายหนังอยู่บนบ่าด้วยนะครับ”
“ไม่น่าจะใช่นะ”
ธงอินทร์ขมวดคิ้วขณะที่จ้องเขม็งไปยังเป้าหมายด้านล่าง
“ผมดูว่ามันคล้ายกับ….”
ไม่ทันจบประโยค ธงอินทร์ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อมองเห็นอย่างถนัดตาว่าสิ่งที่อีกฝ่ายเล็งเข้าหาคืออะไร
“ระวัง! จรวดประทับบ่า!”
ขาดคำเสียงแผดแหลมก็บังเกิดขึ้นพร้อมๆ กับควันขาวเป็นทางยาวพุ่งออกมาจากกราบขวาของเรือสเตลล์โดยมีทิศทางเข้าหาไชนีส แร็ปเตอร์ ที่กำลังดิ่งลงมาและนั่นจึงทำให้นาวาโทชาวไทยร้องตะโกนสุดเสียง
“หลบเร็ว! มันยิงเราแล้ว!”
******************************
อ่านทุกตอนคลิ๊กที่รูป