◊ มิคสัญญีแดนใต้ ◊
……………….
ประเทศไทย เดือนมกราคม ปี 2562
บรรยากาศนอกเมืองนราธิวาสเงียบสงบในตอนเย็น นานๆ จึงจะมีเสียงพาหนะทั้งมอเตอร์ไซค์และรถยนต์ดังให้ได้ยิน จนดูเหมือนว่าวิถีชีวิตของผู้คนทั้งไทยพุทธและมุสลิมในยามนั้นหยุดลงชั่วขณะ
มันเป็นผลมาจากเหตุร้ายที่อุบัติขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในชั่วเวลาเพียงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งการบุกเข้ายึดโรงพยาบาลประจำตำบลเป็นที่มั่นในการโจมตีฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ การสั่งหารโหดข้าราชการเกษียณแล้วชิงรถไปทำคาร์บอมม์หน้าสถานีตำรวจจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ การบุกสังหารอาสาสมัครที่ประจำอยู่ในโรงเรียนถึง 4 ศพ ก่อนจะชิงอาวุธประจำกายไปทิ้งในแม่น้ำ
นอกจากนี้ยังมีการโจมตีโรงพัก สังหารตำรวจคาป้อมยาม ปิดท้ายด้วยการปะทะคนร้ายใกล้มัสยิดจนโดนวิสามัญไป 2 ศพ
แน่นอนว่าความเป็นไปดังกล่าวมีผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของพี่น้องประชาชนอย่างห้ามไม่อยู่ และนั่นจึงทำให้หน่วยงานความมั่นคงจากทุกเหล่าทัพต้องเพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังและปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อกดดันกลุ่มก่อความไม่สงบไม่ให้เคลื่อนไหวก่อการได้โดยง่าย
ณ บ้านชั้นเดียวหลังหนึ่งริมถนนบูกาเต อำเภอบาเจาะ ถูกใช้เป็น “เซฟเฮาส์” ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษกองทัพเรือ บุรุษร่างสูงใหญ่เจ้าของยศนาวาโท กำลังนั่งคอยเพื่อนคู่หูอยู่ตามลำพัง
“คมจักร นายไปเถลไถลอยู่ที่ไหน”
ธงอินทร์ นึกในใจ
“เมืองนี้ไม่มีสตาร์บัคส์หรูหรา สาวๆ ที่นายชอบเอาขนมจีบไปขายตามนิสัย ก็หายากไม่เหมือนในกรุงเทพฯ นายคงไม่ลืมนะว่าเรามาทำภารกิจไม่ได้มาเที่ยว”
ใบหน้ารื่นรมย์ครึกครื้นของสายลับทัพเรือซึ่งมียศนาวาโทเท่ากันปรากฏขึ้น ในมโนนึกของธงอินทร์ พร้อมกับถ้อยคำอ้อล้อเพศตรงข้ามของเจ้าตัว ขณะสนทนากับนักข่าวสาวที่พบกันโดยบังเอิญภายในสนามบินก่อนเดินทางแว่วมาให้ได้ยินอีกครั้ง
“น้องจ๊ะอุ๋ย อยากเบิร์นเมื่อไหร่ไปซ้อมกับพี่ได้เลย ยิมท่าสวยมวยไทยที่พี่เป็นเทรนเนอร์เปิดทุกวัน”
“เรียนฟรีเหรอคะ”
“ฟรีสิครับ”
คมจักรทำตาเจ้าชู้ พร้อมกับยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย
“เรียนเสร็จพี่แถมคาราเมลแมคคาอิโต้ให้อีกคนละแก้ว ไว้ให้ดูดแก้เหนื่อย”
“แต่หนูไม่สวยนะคะ”
นักข่าวสาวแบ่งรับแบ่งสู้
“พี่ชวนคนสวยๆ ไปเรียนไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“ยิมของพี่ไม่เน้นคนสวยครับ แต่เน้นเปิดเผย ชุดต้องหวิว ใส่แล้วต้องเซ็กซี่ตื่นตาตื่นใจ”
สาวเจ้าทำหน้าฉงน
“ตกลงพี่สอนชกมวย หรือคัดคนไปประกวดนางงามคะ”
“สอนชกมวยสิครับ”
คมจักรจอมเจ้าชู้หัวเราะ แหะแหะ
“ส่วนเรื่องชุดหวิวของลูกศิษย์นั้นเป็นของแถม แบบว่าทดแทนค่าสมัครและเป็นแรงใจให้ครูยังไงล่ะครับ”
คิดคำนึงของธงอินทร์กระจายหายไปเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังให้ได้ยิน นาวาโทแห่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษกองทัพเรือจึงลุกจากเก้าอี้ พร้อมกับชำเลืองหางตาไปยังนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังห้องเพื่อดูเวลาเตรียมที่จะต่อว่าการมาช้าของคู่หู
แต่สายลับหนุ่มก็ไม่มีโอกาสได้ทำอย่างที่คิด เพราะในวินาทีเดียวกับธงอินทร์หมุนลูกบิดด้านใน ฝ่ายที่อยู่ด้านนอกก็กระแทกประตูผางเต็มเหนี่ยวพร้อมกับร่างหนาทึบที่ยังไม่รู้ว่าเป็นใครพุ่งตามเข้ามาอย่างรวดเร็ว แรงปะทะที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าของบ้านต้องกระเด็นหงายออกไป
“เอามัน!”
เสียงตะโกนที่ได้ยินทำให้ธงอินทร์รู้ว่า ผู้บุกรุกมีมากกว่าหนึ่ง และยังไม่ทันได้ตั้งหลัก อะไรบางอย่างที่อยู่ในมือของศัตรูคนแรกก็หวดเปรี้ยงเข้าที่กกหูจนธงอินทร์เซถลาไปชนโซฟา แล้วม้วนตีลังกาหงายผลึ่งลงไปกระแทกพื้นอยู่ด้านหลัง
ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะโดนอัดซ้ำจนแน่นิ่งไปในจังหวะที่ต่อเนื่องกัน
แต่สำหรับธงอินทร์ถึงจะมึนงงแค่ไหน แต่สัญชาตญาณฉลามร้าย ก็ทำให้การต่อสู้ป้องกันตนเองบังเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
สองเท้าของธงอินทร์ถีบตูมออกไปสุดแรงเกิด ยังผลให้โซฟาทั้งตัวกลายเป็น “อาวุธปล่อย” ที่พุ่งเข้าปะทะปรปักษ์เสียงดังสนั่น
พลั่ก!
คนที่พุ่งเข้ามาแบบไม่ระวัง จึงกระแทกโครมเข้ากับสิ่งกีดขวางจนหน้าเบี้ยวหน้าบูด และมีอันต้องหงายผลึ่งกระดอนกลับไปชนิดที่ตัวเองคาดไม่ถึง
ส่วนเพื่อนของมันซึ่งรีบชักปืนออกมาก็ยังช้าเกินกว่าการโจนทะยานเข้าหาของธงอินทร์ที่ผุดลุกขึ้นมาราวกับสายฟ้าแลบ โจรใต้คนที่สองมารู้ตัวอีกครั้งก็ต่อเมื่อร่างของบุรุษผู้เป็นเป้าหมายลอยละลิ่วลงมาพร้อมด้วยแข้งทั้งดุ้นที่ฟาดฉัวะเข้าเต็มข้อต่ออย่างถนัดถนี่
ทีเดียวเท่านั้น ร่างหนาๆ ของไอ้นั่นก็โค่นครืนลงกับพื้นราวกับต้นไม้ถูกขวานสับ วายร้ายรายนั้นล้มตะแคงตากลับในสภาพที่บอกให้รู้ว่าหมดโอกาสที่จะลุกขึ้นมาได้อีก
ส่วนไอ้คนแรกที่หงายผลึ่งอยู่กับพื้นและรีบชักปืน แม้จะพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาชนิดเร็วสุดชีวิตแต่ก็ไม่ทันการณ์
เพราะธงอินทร์หันขวับแล้วเสยบาทาเข้าใส่ปลายคางของมันเต็มเหนี่ยว
ผัวะ!
คนที่โดนเตะจุกสลบหน้าสะบัดสติดับไปในบัดดล
“ยังมีอีกหรือเปล่า พวกเดียวกับมึงน่ะ!”
ธงอินทร์คำรามลั่นราวกับคชสารตกมัน แต่แล้วกริยาอาการนั้นก็ต้องชะงักลงอย่างฉับพลัน เมื่อสิ่งไม่คาดคิดอุบัติขึ้นตรงประตูด้านหน้า
“มีสิโว้ย! มีทั้งพวกมึงและพวกกู!”
ประโยคนั้นดังก้องพร้อมกับร่างของคมจักรในสภาพตกเป็นเชลยที่ถูกผลักออกหน้า โดยมีชายฉกรรจ์สามคนก้าวตามมาติดๆ
ปืนบนมือของพวกมันจ่อปากกระบอกเข้าใส่คมจักรในลักษณะที่พร้อมจะลั่นไกยิงตัวประกันซึ่งอยู่ในกำมือให้พรุนไปทั้งร่างในพริบตา
“ถ้าขยับเพียงนิดเดียว เพื่อนมึงตายโหง!”
ชายหน้าเหลี่ยมคอสั้น ลักษณะเหมือนเป็นหัวหน้าทีมร้องสำทับ พร้อมกับก้าวออกมายืนด้านหน้าและหันปืนกลับ ขณะที่ลูกน้องของมันอีกสองคนจ่อปืนเข้าที่สีข้างของคมจักร
“ยกมือขึ้น แล้วเดินมาหากูเดี๋ยวนี้!”
ไอ้นั่นตะคอกดังลั่น
“ช้าๆ นะโว้ย อย่าเล่นลูกไม้ ไม่งั้นกูยิงกบาลเพื่อนมึงแน่!”
ทรชนที่กำลังพองใจในความได้เปรียบของตน ไม่ได้สังเกตเลยว่าเชลยหนุ่มที่ยืนสงบนิ่งเหมือนไร้พิษสง กำลังชำเลืองสายตากวาดแว่บอย่างรวดเร็วไปยังอาวุธที่รุมล้อมอยู่รอบตัว
กระบอกแรกที่จ่อมาจากด้านหน้า เป็นปืนลูกโม่ของไอ้หน้าเหลี่ยมซึ่งยืนมองอากัปกิริยาของธงอินทร์ชนิดตาไม่กระพริบ แทนที่จะจ้องจับไปในทิศทางเดียวกับปากกระบอกปืนบนมือ ซึ่งความประมาทหละหลวมดังว่า ทำให้ปืนของมันไม่ต่างอะไรกับ “ไม้ตีพริก” ดีๆ นี่เอง
แต่กระบอกที่สองและกระบอกที่สามของศัตรู ไม่ใช่แบบนั้น เพราะโจรใต้อีกสองตัวกำลังจี้ลำกล้องเข้าที่สีข้างของเชลยทหารเรือชนิดไม่มีการขยับ
คมจักรรู้ดีว่าจังหวะและการตัดสินใจอย่างฉับไวสอดคล้องกับจังหวะย่างก้าวของธงอินทร์เท่านั้น ที่จะช่วยให้เขาและเพื่อนคู่หูหลุดพ้นจากวินาทีมรณะนี้ไปได้
“ไอ้เพื่อนยาก… ทำตามที่พวกเขาสั่งเถอะ เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”
สามทรชนได้ยินเชลยของมันร้องบอก และพวกมันก็เห็นบุรุษหนุ่มพยักหน้าเนิบๆ เหมือนกับจะยินยอมโดยไม่มีเงื่อนไข ทั้งที่จริงๆ แล้ว กิริยานั้นคือสัญญาณสุดท้ายของธงอินทร์ที่บอกให้คมจักรลงมือ
แล้วพริบตานั้น แขนทั้งสองข้างที่เกร็งแน่นของคมจักรก็ฟาดเปรี้ยงลงพร้อมๆ กันบนข้อมือของปรปักษ์ที่จับปืนจ่ออยู่กับสีข้างด้านซ้ายและด้านขวา
วินาทีเดียวกับที่ปากกระบอกปืนซึ่งสะบัดลงต่ำลั่นกระสุนออกมาปังสนั่น เท้าขวาของคมจักรก็เสยตูมเข้าหาปืนของไอ้หน้าเหลี่ยม ทำให้ลูกโม่ลำกล้องสั้นกระบอกนั้นลอยหลุดจากมือเจ้าของ ซึ่งร้องอุทานออกมาดังๆ ด้วยความตกตะลึง
“เฮ้ย… ระวัง!”
เสียงตะโกนก้องซึ่งไม่รู้ว่าหลุดมาจากปากของโจรใต้คนไหนดังขึ้น พร้อมกับสถานการณ์ที่พลิกกลับอย่างกะทันหัน เมื่อคมจักรเบี่ยงกายเข้าหาศัตรูคนขวา แล้วตะปบมือที่ถือปืนของมันขึ้นมาเหนี่ยวไกเปรี้ยงสนั่นเข้าใส่ศัตรูคนซ้าย ซึ่งกำลังจะวาดข้อมือที่ถูกกระแทกลงไปก่อนหน้านั้นให้กลับมาอยู่ในวิถีการยิงตามเดิมด้วยสัญชาตญาณ
แต่ประกายไฟที่สว่างวาบขึ้นจากกระบอกปืน ซึ่งคมจักรจับหันเข้าหาก็ทำให้ลูกตะกั่วนัดนั้นเจาะเข้ากลางแสกหน้าปรปักษ์ได้ก่อน ขณะเดียวกับที่ธงอินทร์กระโจนสุดตัวขึ้นไปคว้าปืนลูกโม่ที่ถูกบาทาเสยให้ลอยขึ้น แล้วหันปากกระบอกระเบิดกระสุนใส่ไอ้หน้าเหลี่ยม ซึ่งโผนตามอาวุธของมันชนิดสุดเอื้อมแต่ไม่ทันการณ์
ปัง! ปัง!
ทั้งสองนัดทะลวงเข้าเต็มยอดอกของหัวหน้าทีมโจร เพราะธงอินทร์เป็นฝ่ายเหนี่ยวไกเผาขนจนมันหมุนคว้างหัวปักลงไปกระแทกพื้น ก่อนที่ธงอินทร์จะเปลี่ยนเป้าเข้าใส่ศัตรูคนสุดท้ายในจังหวะที่คมจักรปล่อยมือ พร้อมกับถีบตัวเองออกจากร่างของทรชนคนขวา ซึ่งกำลังจะถูกเด็ดหัวเป็นรายต่อไปในวินาทีถัดมา
ปัง! ปัง!
ลูกโม่ในมือยอดพยัคฆ์ทัพเรือระเบิดกระสุนออกมาอีกสองนัด ส่งร่างของปรปักษ์ผงะหงายราวกับถูกถีบเมื่อโดนยิงในระยะเผาขน
“ระวัง! ยังมีพวกมันอยู่ข้างนอกอีกสองคน!”
คมจักรร้องบอกเสียงหลง พร้อมกับทิ้งตัวลงไปคว้าปืนจากร่างไร้วิญญาณที่นอนอยู่ทางด้านซ้าย ในขณะที่ธงอินทร์กลิ้งตัวไปทางขวาเข้าหาผนังข้างประตูอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน
“ขวาของนาย ซ้ายของฉัน!”
ธงอินทร์ตะโกนสุดเสียง เมื่อต่างคนต่างเห็นปรปักษ์โผล่เข้าทางฝั่งของอีกฝ่าย
ทั้งธงอินทร์และคมจักรตวัดปืนขึ้น และหันปากกระบอกใส่กันจนดูเหมือนว่าจะยิงกันเอง แต่แล้วในพริบตาที่ทั้งคู่เหนี่ยวไก วิถีกระสุนกลับพุ่งสวนทางเฉียดผ่านร่างของกันและกันเข้าหาเป้าหมายอันแท้จริงคือปรปักษ์ที่เผ่นพรวดเข้ามาทางประตูหน้าและโผล่จังก้าทางประตูหลัง
แต่ไม่ว่าจะมาจากไหน พวกมันก็ต้องพบจุดจบในป่าช้าเดียวกัน เพราะร่างเตี้ยล่ำแบบมะขามข้อเดียวทางประตูหน้าโดนกระสุนของคมจักรเข้ากลางลิ้นปี่ ขณะที่ร่างผอมหน้ากระดูกทางประตูหลังโดนกระสุนของธงอินทร์ทะลวงเข้าเต็มยอดอก
ทั้งคู่ล้มคว่ำไปเหมือนๆ กัน จะแตกต่างก็ตรงไอ้เตี้ยประตูหน้ามีระเบิดซึ่งดึงสลักไว้แล้วกำอยู่ในมือ และมะนาวผิวเกลี้ยงสีดำมะเมื่อมลูกนั้นก็กลิ้งหลุดออกมาเมื่อมันขาดใจตายในสภาพมือกางตีนกาง
“ระเบิดมือ! …เวรละสิกู!”
คมจักรอุทานก่อนจะกระโจนเข้าหามฤตยูสังหารหมู่ แล้วเหวี่ยงอวัยวะเบื้องต่ำเข้าใส่ราวกับนักฟุตบอลยิงลูกโทษ
ผัวะ!
แรงเตะทำให้ระเบิดทั้งลูกลอยละลิ่วออกไปนอกบ้านก่อนที่กัมปนาทปานฟ้าผ่าจะแผดสนั่นหวั่นไหว
ตูม!
ลูกไฟสว่างแว่บแผดแผ่ออกมาจากศูนย์กลางการระเบิดนอกตำแหน่งอันตราย พร้อมกับกลุ่มควันดำม้วนตลบตำแหน่งที่เศษดินจากพื้นปลิวกระจาย
เมื่อทุกอย่างสงบลง คมจักรกับธงอินทร์ซึ่งพุ่งตัวหมอบราบหลบสะเก็ดจึงผงกหัวยันกายขึ้นจากพื้นอย่างช้าๆ
“หวิดไปแล้วไหมล่ะ”
คมจักรเป่าลมออกจากปากเบาๆ
“นี่ถ้าฉันไม่ใช่นักฟุตบอลเก่าจากทีมสามสมอโรงเรียนนายเรือ เราสองคนคงกลายเป็นหมูบะช่อไปแล้ว”
“ยังจะคุยโม้อีก”
ธงอินทร์เหวี่ยงมือใส่หลังเพื่อนคู่หูดังป้าบ
“ไหนว่าจะออกไปหาข่าวความเคลื่อนไหวของพวกมัน ทำไมถึงเสียท่าโดนจับเป็นเชลย แถมยังพาไอ้พวกนั้นมาที่เซฟเฮ้าส์ของเราอีกต่างหาก”
“ใครบอกว่าฉันเสียท่า” คมจักรทำเสียงขุ่นๆ
“นี่เป็นแผนการอันซับซ้อนของฉันในการล่อพวกมันเข้ามาในพื้นที่สังหารหรอกโว้ย”
“แน่ะ… ยังจะแก้ตัวอีก”
“ก็มันจริงนี่หว่า”
คมจักรเถียง
“ฉันอุตส่าห์ทำพิรุธให้ฝ่ายตรงข้ามจับได้ว่าเป็นสายลับ พอมันเริ่มสอบสวนฉันก็หลอกว่ายังมีคู่หูอีกคนที่รู้แผนการกวาดล้างจู่โจมรออยู่ที่บ้าน ถ้าอยากได้ตัวก็ให้มาด้วยกัน
“ใครเชื่อนายพูดก็คงออกลูกเป็นลิง”
“ก็ตามใจดิ… ฉันไม่ได้บังคับสักกะหน่อย”
คมจักรพูดหน้าตาเฉยก่อนจะพล่ามต่อ
“ความจริงเป็นสิ่งไม่อาย อย่างน้อยด้วยฝีมือของฉันวันนี้ เราก็วิสามัญตัดกำลังโจรใต้ไปได้อีกหลายศพ”
“นายนี่มันทั้งลื่นทั้งกระล่อนจริงๆ เลยนะ”
“ขอบใจเพื่อน ฉันจะถือว่าเป็นคำชมจากหัวหน้าทีมก็แล้วกัน”
ธงอินทร์อดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะถามอย่างเป็นงานเป็นการ
“จากนี้จะเอาไงต่อ”
“ตามแผนเดิมที่กรมยุทธการกำหนดไว้”
คมจักรพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน
“ฉันได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาแล้วว่าเป้าหมายมุดหัวอยู่ที่ไหน รอให้ทางกรุงเทพฯ ได้ตัวลูกสาวหัวหน้าโจรเสียก่อนค่อยว่ากัน”
“โอเค”
ธงอินทร์พยัคหน้าก่อนออกคำสั่ง
“งั้นก็ไปเขียนรายงานเหตุวิสามัญวันนี้ส่งหน่วยเหนือได้แล้ว”
“อ้าว… เฮ้ย”
คมจักรอุทาน
“ทำไมต้องเป็นฉันด้วยวะ”
“ก็นายเป็นคนพาพวกมันมาตาย นายก็ควรจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ”
พูดจบธงอินทร์เดินไปขึ้นรถ ขณะที่ซ่อนยิ้มไว้ในใบหน้า โดยไม่สนใจกับเสียงโวยวายของคมจักรผู้เป็นอริกับงานเอกสารมาแต่ไหนแต่ไร
******************************
ภายในศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการกองทัพเรือกรุงเทพมหานคร
“ท่านครับ มีรายงานเข้ามาทางแอปพลิเคชั่นไลน์ของเจ้าหน้าที่ รหัส 009 ครับ
“คมจักรงั้นหรือ”
นายพลเรืออาวุโสซึ่งอยู่ในวอร์รูม หันไปทางพันจ่าสื่อสาร
“ใช่ครับ ในเบื้องต้นเป็นข้อมูลการวิสามัญคนร้ายที่บุกเข้ามายังเซฟเฮ้าส์ของฝ่ายเราครับ”
“พริ้นต์ออกมาดูหน่อย”
ผู้มียศสูงกว่าสั่งการ
“ผมอยากจะตรวจสอบอีกครั้งก่อนขึ้นไปนำเรียนผู้บัญชาการทหารเรือ”
“ครับผม”
เสียงพริ้นเตอร์ในวอร์รูมไม่ดังจนเกินไปขณะที่ พลเรือโท กายสิทธิ์ ผบ.หน่วยปฏิบัติการพิเศษอดไม่ได้ที่จะบอกกับตนเองในใจว่า
คงเริ่มแล้วสินะ… มิคสัญญีแดนใต้ ถ้ามีคมจักรกับธงอินทร์ลงไปอาละวาด!
อ่านทุกตอนคลิ๊กที่รูป