เรื่องไม่จริงของ Covid-19

-

Covid-19 อาละวาดหนักไปทั่วโลกกว่า 50 ประเทศ มีผู้ติดเชื้อกว่า 80,000 คน ตาย 3,000 คน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศจีน และเริ่มลุกลามสู่ประเทศอื่นๆ อย่างน่ากลัว แต่ละวันเราได้รับข่าวที่จริงและไม่จริงอย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ ลองมาดูกันว่าอะไรไม่จริงบ้าง

เรื่องแรก คือ บ้านเราเชื่อกันสนิทใจกับข้อมูลที่ว่า ถึงคนคนนั้นจะยังไม่มีอาการหลังจากรับเชื้อ covid เข้าไปแล้ว เขาก็สามารถทำให้คนอื่นๆ ติดโรคได้ ความจริงที่ปรากฏในวารสารทางการแพทย์จากการวิเคราะห์ข้อมูลของจีนก็คือเรื่องนี้ยังไม่มีความแน่นอน แพทย์และนักวิจัยทางการแพทย์ทั้งหลายยังถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบันอย่างไม่มีข้อสรุป

เมื่อยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้ก็ขออย่าได้ตกใจเกินเหตุจนประสาทกิน เห็นใครก็ระแวงไปหมด อย่าลืมว่าในแต่ละปีเฉพาะในสหรัฐอเมริกามีคนตายจากโรคหวัดปีละ 40,000 คน บางปีที่ระบาดหนักก็ตายถึง 60,000 คน วัณโรคหรือ T.B. (tuberculosis) นั้นร้ายแรงกว่ามากและกระจายอยู่ทั่วไปในบ้านเรา สามารถติดต่อได้ง่ายกว่า แต่พวกเราเกือบทั้งหมดก็ไม่เป็นโรคนี้ เพราะร่างกายของเรามีระบบภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็ง เมื่อเชื้อโรคเข้าไปจะถูกทำลาย ยกเว้นเรารับเชื้อเข้าไปเป็นปริมาณมากและภูมิคุ้มกันของเราไม่แข็งแรงพอต้านมันได้

การถกเถียงเรื่องแพร่เชื้อได้หรือไม่ก่อนมีอาการดังกล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นว่ายังมีความไม่รู้โรค covid-19 อยู่อีกไม่น้อย ตัวอย่างหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องที่สองของเรา ก็คือยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดเด็ก (อายุต่ำกว่า 15 ปี) จึงเป็นโรค covid-19 กันน้อยมากๆ ข้อมูลนี้มาจากจีนและประเทศอื่นๆ ที่มีผู้ติดเชื้อ ในกรณีผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีน เกาหลีใต้มีจำนวนผู้ติดเชื้อทุกวัยมากที่สุดคือ 4,335 ราย เสียชีวิต 26 ราย รองลงมาคืออิตาลี 1,704 คน เสียชีวิต 41 คน อิหร่าน 1,501 คน เสียชีวิต 66 คน ฯลฯ

เรื่องที่สาม การใส่หน้ากากอนามัยที่คนไทยกำลังบ้าคลั่งอยู่ในขณะนี้ (บ้าคลั่งเพราะความกลัว และเพราะหาซื้อไม่ได้) WHO ก็มิได้แนะนำ ที่ต้องใส่คือบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งทำงานใกล้ชิดคนไข้ผู้ติดเชื้อและผู้รักษาหายแล้วใหม่ๆ (กระทรวงสาธารณสุขบ้านเราแนะนำให้ “กินร้อน-ช้อนกลาง-ล้างมือ” ไม่มีตรงไหนเลยที่บอกให้ใส่หน้ากาก)

 

ความจริงในเรื่องนี้ก็คือ ถ้าไม่โดนคนป่วย covid จามใส่หน้าใกล้ๆ จนสารคัดหลั่ง (dropets) กระเซ็นใส่หน้าเราและเราสูดเข้าปอดไปเต็มๆ หรือถ้าไม่เอามือที่โดนเชื้อ covid จากการสัมผัสเชื้อที่ติดอยู่บนผิวหน้าวัสดุต่าง ๆ หรือจากผ้า ทิชชู ที่มีเชื้ออยู่แล้วและเอามือไปถูในจมูก (แคะขี้มูก เอานิ้วใส่ในรูจมูกหรือใส่ปาก) แล้ว โอกาสติดเชื้อนั้นต่ำมากๆ

dropets หรือละอองฝอยจากปากและจมูกจากการไอและจาม ซึ่งมีเชื้อปนกับสิ่งที่ออกมาจากถุงเยื่อปอดลึกด้านในคือสาเหตุสำคัญของการติดต่อกัน การหายใจรดกันชนิดสนิทแนบแน่นจน dropets กระเด็นเข้าจมูกอีกคนคือสาเหตุของการติดเชื้อโดยตรงและการสัมผัส dropets และเอามาถูผ่านเยื่อจมูกเป็นสาเหตุทางอ้อม

การใส่หน้ากากอนามัยแบบธรรมดาไม่ใช่แบบพิเศษที่ทางการแพทย์ใช้จึงป้องกันการติดต่อจาก dropets ได้แต่ก็ไม่มีประสิทธิภาพมากนัก หน้ากากจึงไม่มีประโยชน์เท่ากับการล้างมือบ่อยๆ หรือถูมือบ่อยๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือพ่นละอองแอลกอฮอล์ใส่มือ หรือถูมือด้วยแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อโรค หน้ากากมีประโยชน์ในการป้องกัน dropets กระเด็นออกจากปากและจมูกของผู้ป่วย การใส่หน้ากากในที่มีคนแน่น เช่น ในลิฟต์หรือในที่ประชุมแออัดนั้นสามารถใช้ป้องกันการรับละอองฝอยจากคนป่วยได้ ในที่โล่งแจ้งการใส่หน้ากากนั้นไร้ประโยชน์และทำให้ร่างกายได้รับอ๊อกซิเจนเข้าปอดน้อยลงและอาจทำให้อ่อนเพลียด้วย การใส่หน้ากากนานๆ อาจมีผลทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงด้วยซ้ำในระยะยาว

พวกเราจึงไม่ควรแตกตื่นแย่งซื้อหน้ากากอนามัยมาใส่และเปลี่ยนโยนทิ้งทุกวันเพราะไม่เกิดประโยชน์ในการป้องกันมากนัก สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกัน Covid-19 ก็คือการดูแลร่างกายให้แข็งแรงเพื่อมีภูมิคุ้มกันที่ดีด้วยการกินอาหารถูกหลักสุขภาพ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการหายใจละอองฝอยของคนป่วยเข้าปอดอย่างจัง ไม่เอามือจับใบหน้าเพราะอาจเผลอไปขยี้จมูกหรือตา และที่สำคัญที่สุดต้องล้างมือบ่อยๆ

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่โรคนี้ หากแต่เป็นการตื่นตระหนักอย่างไร้สติหรือหวาดหวั่น สติแตก ไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างปกติได้จนขาดประสิทธิภาพในการทำงานและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิตด้วยสาเหตุอื่นได้


คอลัมน์: สารบำรุงสมอง

เรื่อง: รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ

All Creative Team

Writer

ร่วมสร้างสังคมอุดมปัญญา

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

RELATED POSTRELATED
Recommended to you

error: Don\'t copy !!!