คนเห็นสี (ตอนจบ)
………….
คราวนี้เป็นฝ่ายผมที่ประหลาดใจบ้างแล้ว ว้าว นี่มันเหนือจินตนาการไปมาก ในขณะที่ผมเห็นสีฆาตกรจากอดีต อ้อมกลับมองเห็นสีของรายได้จากอนาคต
“จริงๆ มันก็คงไม่ได้น่าทึ่งมากนักหรอกมั้งคะ” อ้อมหลบตาเขินๆ เมื่อเริ่มรู้สึกว่าผมจ้องเธอนานเกินไปหน่อยแล้ว “ก็ฝ่ายการตลาด ก็ต้องทำหน้าที่ประเมินทิศทางของผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว ไม่ถึงกับเป็นผู้วิเศษหรือหมอดูอะไรอย่างงั้นหรอกค่ะ”
หลังจากได้รับมอบหมายให้ทำหนังสือเล่มนั้นร่วมกับอ้อม ผมก็กระตือรือร้นที่จะตื่นมาใช้ชีวิตมากขึ้น มีแรงจูงใจอยากจะมาทำงานแต่เช้า เพราะจะได้พบหน้ากันเร็วๆ
แต่แล้ววันหนึ่ง อ้อมเดินเข้ามาที่โต๊ะ ด้วยสีหน้าเปล่งปลั่งสดชื่นกว่าที่เคย สีรอบๆ ตัวเธอดูเปลี่ยนไป กลายเป็นสีชมพูอมส้ม และมีกลิ่นเหมือนน้ำผลไม้ผสมซอสมะเขือเทศ
“อ้อม… ไปทำอะไรมาหรือเปล่า” ผมหลุดถามออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ รู้สึกใจหวิวๆ แปลกๆ
หญิงสาวมองหน้าผม สีหน้าตกใจ ตอบตะกุกตะกัก “อ้อม …เปล่านะคะ เอ๊ะ หรือว่า พี่… เห็นอะไรหรือเปล่า”
“อ้อ” ผมรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติและยิ้มให้เธอ “ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ ที่จริงพี่แค่ตั้งใจจะชมว่า วันนี้อ้อมดูสดชื่นและน่ารักกว่าปกติน่ะ”
คงเป็นธรรมดาของพวกผู้หญิง เรื่องความรักของอ้อม ถูกพูดถึงกันไปทั่งบริษัท เรื่องที่ว่าอ้อมไปพบกับรักแรกพบเข้า เป็นอาจารย์หนุ่มท่าทางสง่า จบจากนอก และตกลงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างรวดเร็ว
ผมปวดแปลบในใจ โทษใครก็คงไม่ได้ ผมช้าเองนี่นา แต่ก็ไม่วายคิดว่า นี่มันก็ไม่เร็วไปหน่อยรึไง สำหรับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงเดือนเนี่ย สีชมพูอมส้มและแดงสดขึ้นทุกทีของอ้อม กลิ่นน้ำผลไม้ที่หวานแสบคอนั่น ยิ่งทำให้ผมเศร้า
ไม่ใช่แค่ผมที่เห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ เพราะภายนอก อ้อมเองก็เปลี่ยนวิธีการแต่งหน้าแต่งตัวของเธอ จากชุดสุภาพเรียบร้อย โทนสีขาว เทา ดำ กลับเป็นเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส และแบบที่ดูเป็นสาวเจ้าเสน่ห์มากขึ้น เปิดเผยเนื้อตัว อวดรูปร่างและผิวที่เปล่งปลั่งผุดผ่องมากขึ้น แต่งหน้า ทาปากฉ่ำ ปัดขนตางอนช้อย ใส่น้ำหอมกลิ่นเซ็กซี่เสียด้วย
เรื่องนี้ทำเอาผมหงุดหงิด นี่ราวกับว่าเธอพยายามจะประกาศให้คนทั้งโลกรู้อย่างงั้นแหละ ว่ากำลังตกหลุมรักเจ้าอาจารย์นั่นมากแค่ไหน และเวลาที่อยู่ด้วยกัน ทั้งสองไปทำอะไรมาบ้าง อ้อมถึงได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปมากขนาดนี้
ผมรู้ ว่าการรับรู้ของอ้อมน่าจะมีมากกว่าที่เธอบอกใครๆ มีความลับบางอย่าง เหมือนความลับที่ผมเห็นสีฆาตกรและกลิ่นของการฆาตกรรม เธอเองก็เหมือนรู้ว่าผมน่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับเธอมากกว่าคนอื่นๆ เธอมักทำท่าเหมือนรู้สึกผิด ทั้งๆ ที่เธอเองก็ไม่ได้ทำผิดอะไร
แต่ทว่า ไม่กี่เดือนต่อมา อ้อมก็ดูเปลี่ยนไปอีก เธอกลับมาแต่งตัวเรียบร้อยเหมือนเดิม และไม่แต่งหน้าเข้มเหมือนช่วงที่ผ่านมา สีโอปอลนวลปลั่งของเธอกลับมาปรากฏรางๆ แต่กลับผสมปนเปด้วยสีเทาอมน้ำเงินแสนเศร้าหม่น
เย็นวันนั้น เลิกงานแล้ว ผมเดินลงมาที่ชั้นล่าง ชะโงกมองหาเธอตามปกติอย่างที่ทำทุกวัน วันนี้พนักงานคนอื่นๆ ในแผนกของเธอกลับกันเกือบหมดแล้ว แต่อ้อมยังคงนั่งเหม่ออยู่ในที่ทำงาน ใบหน้าของเธอเศร้าหม่นหมองราวกับแบกโลกไว้ทั้งโลก สีโอปอลหวานเปื้อนสีแดงอมเทา เศร้า ผิดหวัง และโกรธแค้น
เธอหันมามองเห็นผมในที่สุด วินาทีนั้นเอง เธอก็เริ่มสะอื้นเงียบๆ ก่อนปาดน้ำตาที่วาดลงมาที่แก้มเร็วๆ แล้วเก็บข้าวของลุกออกจากโต๊ะ
มื้อแรกที่เราได้มานั่งดินเนอร์กันในร้านอาหาร ไม่ได้มีบรรยากาศอย่างที่ผมเคยวาดฝันเอาไว้ ในเมื่อเธอเอาแต่ร้องไห้ และเหม่อมองออกไปข้างนอก
จนเมื่อมิลค์เชคคาราเมล โปะด้วยไอศกรีมวานิลลาที่ผมสั่งให้เธอมาเสิร์ฟ เธอก็ดูสดชื่นขึ้น เธอดื่มมันด้วยสีหน้ากำซาบ แต่แล้วก็ลืมตาโพลง หันมามองหน้าผมเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “นี่…พี่… ได้กลิ่นนี้ด้วยเหรอคะ”
หลังจากนั้นบทสนทนาของเราไหลลื่นรวดเร็ว เราต่างเปิดใจคุยกัน ผมรู้ดี ว่าอ้อมต้องรู้เรื่องที่ผมแอบชอบเธออยู่ และชอบด้วยความบริสุทธิ์ใจ เธอเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไร เพียงแค่ผมยังไม่เคยเริ่ม ประกอบกับเจ้าอาจารย์นั่นก็มาเร็วเคลมเร็วราวกามนิตหนุ่ม
“ถ้าพี่ได้กลิ่นนี้ พี่คงเข้าใจ ว่าอ้อมเป็นยังไง”
หญิงสาวเล่าว่า เธอเป็นคนที่ได้กลิ่นอนาคต เธอไม่รู้หรอกว่าที่ผ่านมาคนรักของเธอเคยไปทำอะไรมาบ้าง นอกจากเรื่องที่จับได้ด้วยประสาทสัมผัสของมนุษย์ทั่วไปอย่างกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงอื่นที่ติดมากับเสื้อผ้าของเขา เส้นผมของผู้หญิงคนอื่นที่ติดอยู่กับเบาะโซฟาในบ้าน กระทั่งกลิ่นสารคัดหลั่งของผู้หญิงคนอื่นที่ตกค้างในห้องน้ำ
“ผู้ชายเจ้าเสน่ห์แบบนี้ อ้อมก็พอรู้ว่าวันหนึ่งอาจจะต้องเจอแบบนี้ จริงๆ อ้อมรักเขามากขนาดที่ว่ายอมได้หมดนะ แม้จะเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่…” เธอก้มหลบตา น้ำตาไหลรินลงที่แก้มอีกครั้ง
“เมื่อคืน เขาเข้ามาหาอ้อม ซื้อของขวัญมาให้หลายชิ้นเลย แล้วก็พูดอะไรอีกก็ไม่รู้ตั้งมากมาย แต่อ้อมฟังไม่รู้เรื่องเลย” เธอสะอื้นอีก แล้วเงยหน้าสบตาผม “ในลมหายใจของเขา มีกลิ่นของการทรยศหักหลัง ในขณะที่เขากำลังยิ้ม กำลังกอดอ้อม กลิ่นนั้นมันยิ่งชัดเจนและรุนแรงขึ้น ทำไม ในเมื่ออ้อมยอมทุกอย่าง ทำไมเขาถึงจะทิ้งอ้อมไป”
สถานะของผมที่ยังไงก็ยังเป็นแค่คนนอก ตอนนี้ผมจึงทำได้เพียงรับฟัง และแสดงความเห็นใจ การตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตและอนาคตของเธอนั้น เกินขอบเขตของคนนอก โดยเฉพาะคนนอกที่มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างผม
หลังจากนั้น ผมกลับบ้าน นอนกระวนกระวายด้วยความเป็นห่วง บอกตรงๆ ว่าสีแดงอมเทาที่ผมเห็นนั่น ทำเอาใจคอไม่ดีเอาเลย
หลังวันหยุดยาว ผมกลับมาที่บริษัทอีกครั้ง ผมประหลาดใจที่อ้อมไม่ได้เข้ามาทำงานในช่วงเช้า แต่เข้ามาในช่วงบ่าย ด้วยท่าทางอ่อนระโหย บอกว่าเพิ่งเดินทางกลับจากต่างจังหวัด
“ตางี้บวมเป่งมาเลย สงสัยทะเลาะกับแฟนมาแหละค่ะ” รุ่นน้องคนหนึ่งพูดขึ้น เมื่อผมถามถึงอ้อม “ไม่มีใครกล้าเข้าหน้าเลยสักคนค่ะพี่”
ตกเย็น ผมเดินลงไปที่ชั้นล่าง ประหลาดใจที่โต๊ะของอ้อมมีถุงกระดาษใบใหญ่หลายถุง และเธอกำลังไล่เดินไหว้พี่ๆ ทุกโต๊ะ
“อ้อมลาออกแล้วค่ะพี่ ว่าจะกลับบ้าน ไปอยู่กับแม่ หรือไม่ก็ไปเที่ยวทิเบตอย่างที่อยากไปมานานแล้ว”
ในร้านอาหารร้านเดิม เธอพูดพลางจ้องมองหน้าผมเหมือนกำลังหยั่งใจ ในขณะที่ผมพยายามเก็บอาการตกตะลึงพรึงเพริดไว้อย่างแนบเนียนที่สุด เอาเถอะ ผมพยายามสงบใจ ขณะที่จิบคาราเมลมัคคิอาโต้ถี่ๆ เพื่อกลบกลิ่นที่กำลังฟุ้งอยู่รอบตัวเธอตอนนี้
หญิงสาวตาบวมแดงก่ำ ตรงหน้าจ้องเข้ามาในดวงตาผมอย่างจะค้นหา “พี่…รู้อะไรหรือเปล่าคะ”
ผมกลั้นหายใจ พยักหน้า “อ้อม …เลิกกับเขาแล้วใช่ไหม”
หญิงสาวเบ้ปากสะอื้น ผมจึงยื่นกระดาษเช็ดหน้าให้
“กลับมาเมื่อไหร่ ติดต่อพี่บ้างก็แล้วกัน เที่ยวให้สนุกนะ”
เธอพยักหน้าถี่ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานเหมือนไม่เคยมีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้น “ค่ะพี่ ขอบคุณมากนะคะ สำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา และทุกเรื่องในอนาคต”
ผมมองตามหลังหญิงสาวที่เคยเปล่งประกายงดงามที่สุดที่ผมเคยเห็น เคลือบด้วยรังสีฆาตกรและกลิ่นคาวเลือดตลบคลุ้งเดินห่างออกไปเรื่อยๆ กลิ่นสัปปะรดและกลิ่นไอทะเลทำให้ผมรู้ว่า ศพของอาจารย์เจ้าชู้นั่นน่าจะฝังอยู่ในชายหาดสักแห่ง อาจเป็นแค่บางชิ้นส่วน เพราะสัมผัสลื่นเละเหมือนเนื้อสดถูกตัดหยาบๆ นั่น
ผมดีใจ สามารถสัญญากับตัวเองได้ว่า ในอนาคต ผมจะยังรักและหวังดีกับเธอเสมอ และไม่หักหลังเธอไม่ว่าในเรื่องไหน และเธอคงได้กลิ่นความหวังดีและซื่อสัตย์นั้น
เพราะถึงแม้จะรักอ้อมมากเพียงใด ผมก็ยังไม่อยากถูกฝังอยู่ในหาดทรายที่ไหนเพราะรู้ความลับของเธอหรอก