♥ กล่องบันทึกความทรงจำ ♥
………….

“สีไหนดีคะ” หญิงสาวสวยสะพรั่งหันหน้าจอมือถือไปที่เท้าทั้งสองข้างของตนเองที่ตอนนี้สวมรองเท้าส้นสูงข้างละแบบ ข้างซ้ายสีทองประกายกากเพชร ข้างขวาสีดำกำมะหยี่ พลางโพสท่าหันซ้ายหันขวาไปมา

“ผมชอบทั้งสองสีนะ  ผิวขาวสว่างอย่างคุณใส่สีอะไรก็สวยทั้งนั้น ถ้าสีดำ ก็ได้หลายโอกาสหน่อยงานสุภาพก็ได้ ใส่ออกงานพิเศษก็ได้ แต่ถ้าอยากให้สวยหรูเด่นสะดุดตาคนก็ต้องสีทอง แล้วแต่ว่าคุณชอบแบบไหน”

นาเดียกลอกตา ถอนหายใจเบาๆ แล้วหันไปสบตาพนักงานขายที่ยืนยิ้มรอคำตอบอยู่ข้างๆ หญิงสาวทั้งสองอมยิ้มให้กันคล้ายรู้กันอยู่ในทีว่าหากถามเอาคำตอบกับผู้ชายในเรื่องแฟชั่นสาวๆ แบบนี้ คำตอบก็จะออกมาแบบนี้แหละ

นาเดียถอดรองเท้าออกจากเท้าทีละข้าง ยกรองเท้าสีทองแนบข้างๆ ใบหน้าเอียงคอยิัมหวาน “เทียบกันดูนะคะอันนี้สีทอง กับอันนี้” แล้วเธอก็ยกรองเท้าสีดำอีกข้างขึ้นแนบหน้าสลับกัน “อันไหนเข้ากับหน้านาเดียมากกว่ากันคะ”

ใบหน้าชายหนุ่มที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเลิกคิ้วหัวเราะร่า “เอาจริงเหรอเนี่ย ถึงขนาดเอามาเทียบหน้าเลย เอางี้ไหมถ้าคุณชอบทั้ง 2 คู่ก็ซื้อมาทั้ง 2 คู่ไปเลย นานๆ คุณจะออกมาช้อปปิ้งอย่างนี้สักที ผมอนุมัติ” หญิงสาวยิ้มตอบ “แหม…ป๋าจังนะคะ กับผู้หญิงคนอื่นใจดีอย่างนี้ป่ะเนี่ย”

ชายหนุ่มในจอแกล้งทำหน้าเครียด “เอ้าๆ อยู่ดีไม่ว่าดีอย่าหาเรื่องให้ผมเดือดร้อนสิครับ เอาเถอะนาเดีย ซื้อทั้ง 2 คู่เลย เดี๋ยวเราจะได้ไปแผนกอื่นกันต่อ ดีไหม”

คราวนี้หญิงสาวอมยิ้มหันไปมองหน้าพนักงานขาย “จัดไปค่ะน้อง ป๋าเขาอนุมัติแล้ว”

พนักงานขายรับรองเท้าทั้งสองคู่ ยิ้มบานหน้าบาน “ได้ค่ะ คุณลูกค้ารอสักครู่นะคะ“

“ไปแผนกไหนกันต่อดี” ชายหนุ่มในจอถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี “ไปดูชุดเดรสใหม่ๆ ให้คุณสัก 2-3 ชุดดีไหม แบรนด์โปรดคุณเขาทำไซซ์เล็ก หุ่นคุณออกมาแล้วนะ ชุดเดรสสีไวน์องุ่นรุ่นที่คุณติดใจคราวที่แล้วน่ะ อ้อ ลิปสติกยี่ห้อที่คุณชอบใช้ก็เพิ่งออกคอลเลคชั่นใหม่ เป็นคอลเลคชั่นชุดขนมหวานน่ารักมากเลย ดูรูปตัวอย่างนี้สิ” แล้วภาพหน้าจอก็เด้งเป็นตลับเครื่องสำอางทั้งอายแชโดว์ บรัชออน และลิปพาเลต ในเซตที่ทำเป็นรูปร่างคล้ายขนมหวานสีสันอ่อนหวาน แนวพาสเทล

“น่ารักไหม ผมว่านาเดียชอบแน่ๆ โทนสีหวานๆ เหมาะกับสไตล์การแต่งตัวของคุณเลย”

หญิงสาวอมยิ้ม “รู้ใจไปหมดเลยน้า” แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังติ๊ดขึ้นจากโทรศัพท์และมีข้อความเด้งขึ้นมาบนหน้าจอ ว่าถึงเวลาอาหารเสริมให้กานต์

“แป๊บนึงนะคะ ถึงเวลาฟีดข้าวให้คุณแล้ว เดี๋ยวนาเดียโทรเตือนพยาบาลแป๊บนึงค่ะ”

“เดี๋ยว!” ชายหนุ่มในจอร้องห้ามเสียงเข้ม “ฟีดข้าวให้ ‘เขา’ ไม่ใช่ ‘ผม’” “น้ำเสียงนั้นฟังดูดุดันเด็ดขาดจนหญิงสาว หน้าเสียยิ้มเจื่อน “ค่ะ ใช่ ฟีดข้าวให้เขา หมายถึงให้กานต์น่ะค่ะ”

ว่าแล้วเธอก็กดพักหน้าจอแชตแล้วโทรหาพยาบาลพี่เลี้ยงเพื่อแจ้งเตือนในเรื่องดังกล่าว

ระหว่างทางกลับบ้านหญิงสาวยังคงวิดีโอคอลคุยกับชายหนุ่มคนรักโดยไม่ได้ใส่ใจคนขับรถแท็กซี่ที่นั่งอยู่ด้านหน้ามากนัก

“ไม่เอาน่า อย่างอนสิคะภาค คุณต้องให้เวลานาเดียบ้าง คนเราต้องการการปรับตัวนะคะ” หญิงสาวพ้อ

“ผมไม่อยากเห็นคุณเป็นแบบนี้เลยนาเดีย คุณไม่ควรต้องมาจมอยู่กับคนพิการอย่างเขา ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคุณจะเก็บเขาไว้ทำไม” ชายหนุ่มในจอพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ท้อใจ

“คุณรู้ไหม คนที่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้นไม่ว่าข้างในจะยังรู้สึกตัวอยู่หรือไม่รู้สึกตัวแล้ว การขยับไม่ได้เคลื่อนไหวไม่ได้ แม้แต่จะลืมตามองหน้าคนที่รักก็ไม่ได้ บังคับการขับถ่ายก็ไม่ได้ บางทีต้องนอนแช่อยู่ในอาจมเน่าเหม็นเหมือนเป็นซากศพ มันมีแต่ความทุกข์ทรมาน คุณกำลังทรมานเขานะนาเดีย”

“ภาคคะ นาเดียรู้ว่าคุณหวังดีแต่ขอเวลาอีกสักหน่อย หมอที่ดูแลเขาบอกว่าเราอาจยังมีความหวัง เดือนหน้านี้ก็ถึงเวลาที่จะลองยาตัวใหม่ถ้าคราวนี้ไม่สำเร็จ” เธอพูดเท่านั้นแล้วก็หยุดนิ่งไป น้ำตาคลอ

“สัญญากับผมสินาเดีย ถ้าคราวนี้ไม่สำเร็จ คุณจะไม่ยื้อเขาอีก คุณต้องไม่หลอกตัวเอง ระหว่างคุณกับเขามันจบไปนานแล้ว เขาตายจากโลกนี้ไปแล้วตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน คุณยังมีผม ที่จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป ซากศพที่อยู่บนเตียงในบ้านคุณนั่น ควรจะไปอยู่ในที่ที่เหมาะกับเขาคือในหลุมศพหรือไม่ก็บนเชิงตะกอนเท่านั้น” หญิงสาวสะอื้น

“อย่าอาลัยอาวรณ์กับสิ่งที่ตายไปแล้วเลยนาเดีย หรือคุณจะบอกว่าคุณไม่รักผมเหมือนที่ผมรักคุณงั้นเหรอ”

“ขอโทษนะคะเดี๋ยวนาเดียโทรกลับนะ” เธอว่าแล้วกดปุ่มปิดโทรศัพท์ก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ที่เบาะหลังรถเนิ่นนาน จนได้ยินเสียงคนขับรถแท็กซี่พูดขึ้นด้วยเสียงนุ่มนวลเหมือนพูดกับญาติพี่น้อง

“อย่าหาว่าผมจุ้นจ้านเรื่องส่วนตัวเลยนะครับ พอดีผมได้ยินที่คุณคุยกับแฟน ผมเองก็เคยดูแลเมียป่วยสมองตายอยู่นานหลายเดือน ผมเข้าใจว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย แต่บางทีการที่เราพยายามมีความหวังทั้งๆ ที่มันหมดหวังไปนานแล้ว อาจจะเป็นการทรมานคนที่เรารักโดยไม่รู้ตัวก็ได้ แฟนใหม่คุณก็ดูท่าทางเป็นห่วงเป็นใยดี ผมเสียดายผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณยังมีโอกาสในชีวิตอีกมาก เอาเป็นว่า ผมฝากไปคิดก็แล้วกัน”

นาเดียนิ่งอึ้งไปนิดหนึ่ง “แล้วตอนนี้ภรรยาของพี่…”

คนขับรถแท็กซี่ยิ้มเศร้าๆ “เธอจากไปแล้วครับ หลังจากนอนติดเตียงอยู่เป็นปี เราดูแลเธออย่างดีที่สุดแล้วแต่ในที่สุดคนในครอบครัวก็ตกลงร่วมกันว่าจะให้เธอจากไปอย่างไม่ทุกข์ทรมานดีกว่า อย่างน้อยช่วงเวลาที่ผ่านมาพวกเราก็มีความทรงจำที่ดีต่อกันมาตลอด และเราจะไม่มีวันลืม”

………………………………………..

นาเดียขยับกางเกงผ้าอ้อมให้กระชับกับสะโพกของเขา หลังจากฟอกและเช็ดตัวทำความสะอาดจนแห้งหอมสดชื่น เธอลูบที่หน้าผากชายหนุ่มร่างกายผ่ายผอมบนเตียง สายระโยงระยางรอบตัวเขาเธอคอยเช็คอยู่สม่ำเสมอว่าทุกสายยังอยู่ดีและทำงานตามปกติ

“นอนหลับฝันดีนะคะกานต์ เดี๋ยวนาเดียจะนอนอยู่ใกล้ๆ คุณที่โซฟาตรงนี้ ไม่ต้องกลัวนะคะ” เธอพูดจบแล้วก้มลงจุมพิตที่แก้มและหน้าผากของเขาอย่างรักใคร่ทะนุถนอมเช่นที่เคยทำทุกคืน

“บางทีผมก็อดน้อยใจไม่ได้นะนาเดียที่คุณไม่เชื่อผม ตอนนี้สำหรับคุณแล้ว กานต์คืออะไร นอกจากซากปรักหักพังของชีวิต เก็บเศษความทรงจำเล็กๆ น้อยๆ เอาไว้ในร่างที่ใกล้จะเน่าเปื่อย ผมเชื่อว่าถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ในร่างนั้นเขาก็ไม่ต้องการเป็นภาระคุณ ไม่ต้องการให้คุณจดจำเขาในแบบนี้”

หญิงสาวถอนหายใจ “มันทำใจยากเหลือเกินค่ะภาค อธิบายไม่ถูก เหมือนกับว่าเขาเป็นสิ่งสุดท้ายที่ยังคงเชื่อมโยงฉันไว้กับวันเวลาดีๆ ที่เรามีร่วมกัน ฉันไม่อยากให้เขาหายไป ร่างกายที่ฉันรักที่เคยกอดเคยจูบเคยใช้ชีวิตร่วมกัน ทุกวันนี้ฉันก็ยังรักเขา เหมือนที่ฉันรักคุณนั่นแหละ”

“เขาไม่ใช่คนที่คุณรักอีกต่อไปแล้วนะนาเดีย คุณได้ยินสิ่งที่คุณพูดออกมาเมื่อกี้ไหม มากที่สุดเท่าที่เขาจะเป็นได้สำหรับคุณ ก็เพียงกล่องบันทึกความทรงจำเท่านั้น และความทรงจำของคุณ คุณไม่จำเป็นต้องผูกติดอยู่กับภาระที่หนักหนาขนาดนี้ในเมื่อคุณมีผมแล้ว”

นาเดียเริ่มสะอื้นอีก “จริงๆ ฉันคงไม่รู้สึกค้างคามากขนาดนี้ ถ้าตอนนั้นเราได้แต่งงานกันเสียก่อน”

 

ใบหน้าของชายหนุ่มในหน้าจอโทรศัพท์นิ่งอึ้งไปนาน “ผมขอโทษจริงๆ ผมรู้ว่าการแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิง ที่ผ่านมาผมก็คิดมาตลอด แต่ผมไม่แน่ใจว่าคุณจะรับได้ไหมกับสถานภาพของผมในตอนนี้ แต่ผมอยากให้คุณรับรู้เหลือเกินว่าผมรัก และอยากจะร่วมสร้างครอบครัวกับคุณมากแค่ไหน หากยังไม่สายเกินไป ผมจะขอร้องให้คุณเป็นเจ้าสาวของผมในงานแต่งงานของเราได้ไหม”

นาเดียร้องไห้โฮออกมา ปิดหน้าเนิ่นนาน กลืนน้ำตา พยักหน้าติดกันหลายครั้ง “ค่ะ แน่นอนค่ะ ฉันยินดีแต่งงานกับคุณ” เธอว่าพลางสะอึกสะอื้น

ชายหนุ่มในหน้าจอยิ้มเต็มหน้า “พอแล้วไม่ต้องร้องแล้วล่ะ ดูหน้าคนขี้แยสิเบี้ยวไปมาไม่สวยเลย”

ทั้งสองยิ้มร่า หัวเราะและพูดคุยกันไปอีกเกือบตลอดคืนนั้น ข้างๆ เตียงที่มีร่างชายหนุ่มผอมซูบซีดผิวหนังติดกระดูก และเครื่องมือทางการแพทย์ ที่แสดงผลวิบวับตรงหน้าจออยู่อย่างต่อเนื่อง

………………………………………..

“ขณะนี้ต่อหน้าประจักษ์พยานทั้งหลายนางสาวนาเดียและนายกานต์ หรือชื่อใหม่ในรูปแบบ AI ว่านายภาคได้ยินยอมพร้อมใจเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วขอให้ทั้งสองครองรักกันอย่างมีความสุข”

หญิงสาวยิ้มขณะที่ญาติพี่น้องและประจักษ์พยานทั้งหลายลุกขึ้นปรบมือแสดงความยินดี

 

หลังจากที่นาเดีย ตัดสินใจซื้อร่างแอนดรอยด์แบบสั่งประกอบโดยใช้รูปร่างหน้าตาของกานต์ในขณะที่ร่างกายยังแข็งแรงสมบูรณ์ และดาวน์โหลดความทรงจำทั้งหมดรวมถึงส่วนประมวลผลเท่าที่ชายหนุ่มเคยบันทึกเอาไว้ลงไปในร่าง หญิงสาวทั้งรู้สึกดีใจและใจหายตอนที่ชายคนรักในร่างแอนดรอยยืนเคียงข้างประสานมือกับเธอ มองดูร่างเก่าของกานต์ที่กำลังจะเข้าสู่กระบวนการการุณยฆาตโดยแพทย์

เธอหลับตาลงขณะที่แพทย์สั่งเข็มฉีดยาลงในสายน้ำเกลือที่แขนด้านขวาของเขา

“แบบนี้ดีแล้ว แบบนี้ดีแล้ว ดีที่สุดแล้ว ฉันทำถูกต้องแล้ว”

เธอพึมพำเสียงสั่นพูดกับตนเองขณะที่น้ำตาไหลล้นออกจากขอบตาอีกครั้ง

ชายหนุ่มข้างโอบไหล่เธอเบาๆ “อย่ารู้สึกผิดเลยนาเดีย ใช่ แบบนี้ดีที่สุดแล้ว คุณทำถูกต้องแล้ว ถ้าเขายังอยู่เขาจะดีใจที่คุณตัดสินใจแบบนี้ ต่อไปนี้โลกนี้ไม่มีคนชื่อกานต์อีกต่อไปแล้ว มีแต่ภาคคนนี้ที่จะรักและดูแลคุณให้มากยิ่งกว่าที่เขาเคยทำ แล้วจะไม่ทำตัวให้เป็นภาระคุณ อย่างที่คุณต้องดูแลเขา”

นาเดียส่ายหน้า “ไม่เลยค่ะ นาเดียไม่เคยรู้สึกเลยว่าเขาเป็นภาระ ร่างกายของเขาเป็นร่างกายที่นาเดียรัก…”

“และตอนนี้ก็เป็นแค่กล่องความทรงจำเก่าๆ กล่องความทรงจำที่คุณเทของมีค่าด้านในออกมาไว้ในที่ใหม่แล้ว”

ภาคพูดพลางยกมือของนาเดียมาทาบไว้ที่หน้าอกข้างซ้าย ตำแหน่งที่หัวใจจักรกลกำลังสูบฉีดเลือดเทียมไปทั่วร่าง “ผมรักคุณนาเดีย อย่างที่เคยรักมาตลอดและจะรักตลอดไปเรามาสร้างความทรงจำใหม่ร่วมกันเถอะนะครับ”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่